top of page

หนังสือที่อ่านแล้วชอบ Q1 2021 (ตอน 3)

[ต่อจากตอนที่แล้วหนังสือที่อ่านแล้วชอบ Q1 2021 (ตอน 2)] เป็นประจำทุกสัปดาห์ ผมจะแนะนำหนังสือที่อ่านแล้วชอบไว้ในแฟนเพจ boy's thought อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบของ facebook ทำให้การสืบค้นโพสต์เก่า ๆ ทำได้ยาก ผมจึงนำมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ เผื่อว่าใครจะลองไปหามาอ่านบ้าง โดยครั้งนี้จะเป็นหนังสือที่ผมอ่านในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2021 ครับ มาต่อกันที่เล่มที่ 13-17


13. Surrounded by Idiots วิธีเอาตัวรอดในวงล้อมคนงี่เง่า

อ่านเล่มนี้จบ คุณจะรู้เลยว่าคนแนวไหนเล่น Clubhouse ก่อนเพื่อน คนแนวไหนชวนคนมาสนทนาได้ทุกวัน (แถมชวนคนอื่นมาเล่นด้วย) คนแนวไหนขอเป็นเพียงผู้ฟัง (อย่าเชิญฉันพูดนะ) และคนแนวไหนป่านนี้ยังลังเลอยู่เลยว่าจะเล่นกับเขาบ้างดีไหม


เล่มนี้แนะนำสำหรับคนที่ไม่รู้จักศาสตร์ DISC (การแบ่งพฤติกรรมมนุษย์) แต่ถ้าใครรู้จักดี เคยอ่านแล้ว ก็ผ่านได้เลย ไม่มีอะไรใหม่ครับ (แต่ยอมรับว่าผู้เขียนเขียนได้สนุก เข้าใจง่ายดี มีอารมณ์ขัน) ชื่อหนังสือทั้งไทยและเทศชวนให้คิดว่าน่าจะเป็นหนังสือประเภทเดียวกับหนังสือ "ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย" ที่ใช้ภาษาแรง ๆ สะใจ แต่ความจริงไม่ใช่เลยครับ เขาฉลาดในการตั้งชื่อเรียกร้องความสนใจ (ซึ่งโชคดีไปครับที่เนื้อหาถือว่าเขียนได้ดี)


ต้นฉบับภาษาสวีเดนวางขายตั้งแต่ปี 2014 ฉบับไทยเพิ่งออกปี 2021 เนื้อหาในเล่มเริ่มจากประเด็นที่ว่า ไม่มีใครเป็นคนงี่เง่า คุยด้วยไม่รู้เรื่อง แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นเพราะเราแค่พูดจากันคนละภาษาเท่านั้น จึงไม่เข้าใจกัน โดยภาษาในที่นี้หมายถึง "พฤติกรรมหลัก ๆ" ของคนคนนั้น


ผู้เขียนแบ่งผู้คนเป็น 4 ประเภทตามพฤติกรรม ได้แก่ คนชอบมีบทบาทนำ รวดเร็ว เสียงดัง (คนสีแดง) คนโน้มน้าวเก่ง ชอบอยู่กับผู้คน สนุกสนาน (คนสีเหลือง) คนชอบความมั่นคง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบเป็นผู้ตาม (คนสีเขียว) และคนช่างคิดวิเคราะห์ จุกจิกในเรื่องรายละเอียด (คนสีน้ำเงิน)


ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าคู่สนทนาเขาเป็นคนสีอะไร (เป็นคนแนวไหน) เราก็เพียงแต่สื่อสารให้ตรงกับภาษาของเขา (แนวของเขา) เช่น บางคนชอบความรวดเร็ว เน้นงาน ไม่เน้นคน เราก็ต้องเข้าประเด็นให้ไว บางคนชอบรายละเอียด เวลาคุยกับเขาก็ต้องมีข้อมูลพร้อม หรือบางคนชอบพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ ชอบคนคุยถูกคอ เราก็ต้องรู้จักชิทแชทให้เป็น


เนื้อหาส่วนอื่น ๆ นอกจากการบอกถึงรายละเอียดของคนแต่ละประเภทแล้ว ก็จะเป็นข้อแนะนำต่าง ๆ ครับ เช่น วิธีปรับตัวให้เข้ากับคนแต่ละสี วิธีบอกข่าวร้ายหรือเรื่องยาก ๆ กับคนแต่ละสี คนสีไหนเข้ากันได้ดีกับคนสีไหน คนสีไหนโกรธง่าย (แต่หายเร็ว) คนสีไหนเครียดง่าย และเก็บงำไว้ไม่บอกใคร


อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเองก็ออกตัวไว้ในเล่มครับว่าไม่มีใครที่เป็นคนสีเดียวชัดเจน 100% คนส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมของคน 2 สี ปนเปกันไป และรวมถึงในชีวิตจริง คนเราอาจตอบสนองกับแต่ละเรื่องด้วยพฤติกรรมไม่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น เล่มนี้ก็ยังถือเป็นหนังสือที่ดีครับ ผมเองได้ทบทวนตัวเองว่ามีพฤติกรรมแบบไหนบ้าง เพื่อจะได้มีสติรู้ตัวมากขึ้น ใครชอบแนว ๆ อ่านตัวเอง อ่านผู้อื่น เช่น นพลักษณ์ จริต 6 เล่มนี้น่าจะเหมาะกับคุณครับ


Surrounded by Idiots วิธีเอาตัวรอดในวงล้อมคนงี่เง่า สำนักพิมพ์ฮาวทูในเครืออมรินทร์ ราคาปก 335 บาท สั่งซื้อกด ที่นี่


14. The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน

หนังสือดีที่อยากให้คุณได้ลองอ่าน "มากกว่า 1 ครั้ง" ในชีวิตครับ ผมเคยอ่านเล่มนี้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ฉบับที่พิมพ์โดยโครงการจัดพิมพ์คบไฟ ปีนี้ไม่รู้นึกอย่างไร ซื้อมาอ่านอีกครั้ง (เล่มเก่าปลวกกินไปแล้ว) ฉบับนี้เป็นของนานมีบุ๊คส์ ซึ่งถือลิขสิทธิ์แปลมายาวนานตั้งแต่ปี 2547 และน่าจะแปลจากภาษาต้นฉบับคือโปรตุเกส


สิ่งที่ค้นพบเมื่ออ่านใหม่ในวันนี้และวัยนี้ก็คือ หนังสือเล่มเดิม แต่เมื่อเพิ่มเติมประสบการณ์ชีวิต เราจะอ่านความหมายของมันได้ลึกซึ้งขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ขายไปแล้วกว่า 65 ล้านเล่ม


ส่วนตัวผมนั้นเมื่อ 20 ปีก่อน อ่านจบแล้วจำอะไรไม่ได้มาก จำได้แค่สนุกไปกับการเดินทางตามหาขุมทรัพย์ของตัวละครเอก และประทับใจคำว่า โชคดีของมือใหม่ (Beginner's Luck) กับเรื่องเล่าเคล็ดลับความสุขที่บอกให้มองความมหัศจรรย์ของโลก โดยไม่ลืมดูน้ำมันในช้อนที่เรากำลังถืออยู่


แต่การอ่านครั้งนี้ ปี 2021 ผมพบว่าหนังสือเล่มนี้อ่านได้ 3 ระดับ


ระดับที่หนึ่ง คือ อ่านเพื่อความเพลิดเพลินไปกับเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยชายหนุ่มคนเลี้ยงแกะที่ฝันประหลาดว่ามีขุมทรัพย์รออยู่ที่ปิรามิดในอียิปต์ เขาจึงละทิ้งอาชีพเดิม แล้วออกเดินทางสู่แดนไกล ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างทางจะมีเรื่องราว ๆ สนุก ๆ ให้ติดตาม


ระดับที่สอง คือ อ่านเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ เพราะหลักใหญ่ใจความในหนังสือจะย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า อย่าละทิ้งความฝัน จงสู้ต่อไป ก้าวต่อไป อย่ายอมแพ้ ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม การอ่านหนังสือเล่มนี้จึงเสริมสร้างกำลังใจได้ดีสำหรับคนที่ท้อแท้กับชีวิต หรือไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังเดินตรงไปนั้น มาถูกทางหรือเปล่า


ระดับที่สาม ระดับนี้ผมเพิ่งได้รับจากการอ่านครั้งนี้ ขอเรียกประมาณว่า อ่านเพื่อจะได้รู้จักกับ Universal Mind (หรือในเล่มใช้คำว่า Soul of the World) อธิบายแบบภาษาผมก็คือ มีความเชื่อที่ว่าจักรวาลนี้เสมือนมี "คลังความรู้ คลังความคิด คลังประสบการณ์" ที่มนุษย์ตั้งแต่อดีตนานแสนนานสะสมร่วมกันไว้ เปรียบคล้าย ๆ ระบบ Cloud Computing สมัยนี้ ทีนี้จะมีบางครั้งบางโอกาสที่เราเชื่อมต่อกับ Universal Mind ได้ ตอนนั้นเองที่เราจะเหมือนคิดบางอย่างออก ไม่ว่าจะเป็นไอเดียใหม่ ๆ (ซึ่งจริงคือไอเดียเก่าในคลังความรู้สากล) หรือแม้แต่รู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าต้องตัดสินใจแบบนี้ แล้วปรากฏว่าถูกต้อง ...เนื้อหาส่วนนี้นี่แหละครับที่ผมเพิ่งได้อ่านพบ และรู้สึกทึ่งหนังสือเล่มนี้มาก จนเชื่อว่าอีก 10 ปี ถ้าผมอ่านอีกรอบ ก็คงเก็บประเด็นใหม่ ๆ ได้เพิ่มอีก


อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากแนะนำให้อ่านฉบับภาษาอังกฤษ (ผมอ่าน ebook ภาษาอังกฤษซ้ำอีกรอบ หลังอ่านฉบับไทยจบ) สาเหตุเพราะบางคำนั้นพอแปลเป็นไทย กลายเป็นเข้าใจยากกว่าเดิม เช่น คำว่า Personal Legend ฉบับไทยแปลว่า ตำนานชีวิต ซึ่งถูกต้อง แต่ก็ยากที่จะเก็บความหมายได้ครบถ้วน รวมถึงผมคิดว่ามีบางจุดแปลคลาดเคลื่อนด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้มิได้หมายความว่าแปลไม่ดีนะครับ เพราะผู้แปลท่านระดับมืออาชีพอยู่แล้ว แต่งานนี้ยากจริงครับ


The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน ราคาปก 155 บาท สั่งซื้อกด ที่นี่


15. โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล

ผมเคยอ่านเล่มนี้เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว จำได้เลือนลางเพียงว่าคือเรื่องราวของนกนางนวลตัวหนึ่งที่มีความขบถ เข้ากับฝูงไม่ได้ แล้วก็จำได้ว่าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร จนกระทั่งปี 2564 มีโอกาสได้อ่านอีกครั้ง เพราะเห็นเป็นฉบับพิมพ์ใหม่ ปกแข็ง ราคาถูกเหลือเชื่อ จึงซื้อมาอ่านเพื่อที่จะพบว่า "ชอบมาก" หนังสือบางเล่มต้องบ่มเพาะรอวันเวลาที่เราจะเหมาะสมกับมัน


"โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล" เป็นหนังสือวรรณกรรมคลาสสิก เขียนขึ้นในยุค 60s ขายดีระดับโลก และคงจะอยู่เป็นตำนานไปอีกนาน เนื่องเพราะเป็นนิยายขนาดสั้นที่เปิดโอกาสให้ผู้อ่านตีความไปได้ต่าง ๆ นานา โดยหนึ่งในความแปลกประหลาดของหนังสือเล่มนี้ก็คือ ผู้เขียนเขียนส่วนที่ 1 แล้วทิ้งไว้ถึง 8 ปี จึงมาเขียนส่วนที่ 2 3 4 แต่พอตีพิมพ์ กลับพิมพ์แค่ส่วนที่ 1-2-3 เท่านั้น จวบจนปี 2014 จึงนำส่วนที่ 4 มาตีพิมพ์ ซึ่งนั่นหมายว่าใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนหน้านั้น จะไม่เคยอ่านส่วนที่ 4 (เนื้อหาเด็ดขาดบาดใจมาก) ...ซึ่งคือผมนั่นเอง การได้อ่านฉบับนี้จึงเรียกว่า "ฉบับสมบูรณ์" ก็ว่าได้


เนื้อหาในหนังสือเล่าถึงเรื่องราวของ "โจนาธาน" นกนางนวลผู้คิดแปลกแตกต่างจากกลุ่ม ไม่ได้อยากบินแค่เพียงหาอาหาร แต่คิดว่าชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น มันจึงฝึกบินเร็วแบบที่ไม่มีนกนางนวลตัวไหนคิด โจนาธานทำได้สำเร็จ แต่ต้องแลกกับการถูกขับออกจากฝูง แต่นั่นก็ทำให้มันได้พบกับนางนวลอีก 2 ตัวที่จะพาไปยังที่ที่สูงกว่า ที่ที่เป็นบ้านของโจนาธาน ที่นั่นเขาได้ฝึกวิชาหายวับไปปรากฏอีกที่ในชั่วพริบตา ได้กลับไปสอนนกนางนวลตัวอื่น ๆ ที่อาจกำลังฝึกบินเร็วเหมือนเช่นเขาในอดีต และเรื่องราวของโจนาธานก็กลายเป็นตำนาน


อ่านเนื้อหาแล้วก็เป็นแค่เส้นเรื่องที่ไม่ได้เกินคาดเดา ตัวละครพบผ่านเพื่อเรียนรู้ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นอมตะก็คือ หลายประโยคในเล่มที่มีความเป็นศาสนาและปรัชญาอยู่สูง ผมขอยกบางประโยคในเล่มครับ


- เธอเคยมีความคิดไหมว่ากี่ภพกี่ชาติที่เราต้องผ่านมา ก่อนที่เราจะคิดขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกว่าชีวิตนั้นมีอะไรมากไปกว่าแค่การกิน การต่อสู้ หรือการมีอำนาจในฝูง?

- เราเลือกภพหน้าของเราจากสิ่งที่เราเรียนรู้ในภพนี้ ถ้าภพนี้เราไม่เรียนรู้อะไรเลย ในภพหน้าย่อมไม่ต่างอะไรไปจากภพนี้

- เมื่อเรา "กำจัด" เวลาออกไปได้ ที่เหลืออยู่ก็คือ "เดี๋ยวนี้" เมื่อเรากำจัด "ระยะทาง" ออกไปได้ ที่เหลืออยู่ก็คือ "ที่นี่"


ยังมีประโยคทำนองนี้อยู่อีกมาก รวมถึงเนื้อหาในส่วนที่ 4 ที่พาดพิงถึงความงมงายของผู้คน แทนที่จะเข้าถึงแก่นแท้ กลับแห่ไปบูชาเปลือกแล้วสร้างเป็นตำนานใหญ่โต ถือเป็นหนังสืออีกเล่มที่อยากชวนให้ลองอ่านดูครับ บางคนอ่านวันนี้อาจไม่ชอบ ต้องทิ้งไว้อีกหลายปี แล้วอาจจะชอบมากเหมือนผมก็ได้


"โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล" เขียนโดย ริชาร์ด บาค แปลโดย ปัณณวีร์ สำนักพิมพ์ ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ ราคาปก 220 บาท สั่งซื้อกด ที่นี่


16. หนังสือชุด "เปลี่ยนชีวิตเจ็ดด้านสู่การเติบโตในพระคริสต์"

หนังสือชุดนี้มี 7 เล่ม ดีมากอยากให้อ่านครับ แต่ออกตัวไว้ก่อน 2 ข้อ หนึ่ง นี่คือหนังสือที่เขียนขึ้นตามคำสอนของศาสนาคริสต์ และสอง ผมไม่ใช่คริสเตียน ดังนั้นการเขียนถึงหนังสือชุดนี้จึงไม่ใช่การเชิญชวน และอาจมีบางส่วนที่ผมเข้าใจคลาดเคลื่อน หากผิดพลาด ต้องขออภัยครับ


ผมพบหนังสือชุดนี้จากการซื้อหนังสือเล่มหนึ่งผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วระบบก็แนะนำหนังสือชุดนี้ ผมมาติดใจตรงชื่อหนังสือที่เป็นเหมือนคู่มือการใช้ชีวิตแต่ละด้าน พอเห็นราคาเล่ม 55 บาทเท่านั้น ก็เลยสั่งมาอ่านหนึ่งเล่มก่อน (เลี้ยงดูด้วยรัก) ปรากฏว่าชอบ จึงสั่งมาให้ครบชุดครับ


เมื่ออ่านจบก็พบว่า นี่คือหนังสือที่ดีมาก ๆ จะมองให้เป็นมุมศาสนาก็ได้ (หากคุณเชื่อ) หรือจะมองเป็นหนังสือพัฒนาตนเองก็ได้ เพราะบรรดาหนังสือพัฒนาตัวเองของฝรั่ง ก็ล้วนแต่มีรากฐานมาจากศาสนาคริสต์แทบทั้งสิ้น


หนังสือชุดนี้ใช้ชื่อว่า "เปลี่ยนชีวิตเจ็ดด้านสู่การเติบโตในพระคริสต์" โดย 7 ด้านนั้นได้แก่ จิตวิญญาณ(อยู่ในพระคริสต์) จิตใจ(ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด) สังคม(ให้โอกาส-ให้อภัย) ร่างกาย(อิสระทางกาย) การเงิน(ปลดหนี้มีเงินใช้) ชีวิตสมรส(เข้าใจชีวิตคู่) และการเลี้ยงดูบุตร(เลี้ยงดูด้วยรัก)


ถ้าคุณเป็นชาวคริสเตียนอยู่แล้ว ผมคิดว่าหนังสือชุดนี้จะเป็นคู่มือเอาไว้ทบทวนคำสอนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม หากตัดประเด็นเรื่องคำสอนของศาสนาออกไป หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีเนื้อหาที่ดีมาก อ่านแล้วหากนำไปใช้ เราจะกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิมในหลายด้าน หลายประโยคต้องบอกว่าทำให้ผม "ตื่น" มองตัวเอง มองผู้อื่น มองโลกไปในมุมใหม่


ผมขอยกตัวอย่างบางประโยคที่ชอบมาก ปน ๆ กันไปทั้ง 7 เล่มนะครับ


- โลกใส่ความคิดให้คุณว่า คุณจะพอใจถ้าคุณได้รับหรือได้มีสิ่งเหล่านี้ และเนื้อหนังของคุณก็เชื่ออย่างนั้น... ...ความจริงก็คือ เนื้อหนังของคุณไม่มีวันพึงพอใจแม้ว่าคุณจะมีรูปร่างหน้าตาดี หรือมีสิ่งของมากมายเพียงไร หรือมีความสุขกับความสัมพันธ์ต่าง ๆ

- สิ่งที่ผู้อื่นทำกับคุณอาจจะผิดอย่างมหันต์ แต่สิ่งที่คุณเลือกจะตอบโต้จะบ่งบอกว่าคุณเองก็กำลังทำผิดด้วยหรือไม่

- คุณไม่สามารถรักผู้อื่นได้ในขณะที่คุณยังคงตัดสินพวกเขา เมื่อคุณเลือกจะหยุดตัดสินผู้อื่น คุณจะเห็นความผิดของผู้อื่นน้อยลง ...จงจำไว้ว่าคุณเองก็อ่อนแอต่อการล่อลวงแบบเดียวกัน และอาจมีความเย่อหยิ่งแบบเดียวกัน

- การยกย่องให้เกียรติคู่สมรสของคุณคือการเคารพและรักในทุก ๆ ส่วนที่เป็นตัวเขา (จิตวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย) ซึ่งเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับเขา

- วิธีการเลี้ยงลูก 4 แบบ 1.ยอมรับมาก สั่งสอนมาก (สัมฤทธิ์ผล ดีที่สุด) 2.ยอมรับมาก สั่งสอนน้อย (ตามใจ ไม่ค่อยดี) 3.ยอมรับน้อย สั่งสอนน้อย (แย่ ปล่อยปละละเลย) 4.ยอมรับน้อย สั่งสอนมาก (บงการ แย่ที่สุด) "เมื่อการยอมรับมาทีหลัง นั่นคือการบงการ เมื่อการยอมรับมาก่อน นี่แหละคือความรัก"


จุดที่ผมคิดว่า "เจ๋งมาก เต็มสิบไม่หัก" ของหนังสือทั้ง 7 เล่มนี้ก็คือ ทีมผู้เขียนสามารถแปลงเนื้อหาในแต่ละเล่มให้เป็น "แผนภาพ" ที่เข้าใจง่าย จำได้ไม่ลืม แผนภาพดังกล่าวมีแค่เส้น วงกลม สามเหลี่ยม กับตัวหนังสืออีกไม่มาก แต่กลับสรุปความทั้งหมดได้ครบถ้วนอย่างเหลือเชื่อ


สรุป ถือเป็นหนังสือที่ผมทึ่งในเนื้อหา ทึ่งในวิธีนำเสนอ หากไม่ขัดกับข้อห้ามที่คุณนับถืออยู่ อยากให้ลองหามาอ่านครับ ดีจริง ๆ ลองซื้อมาอ่านสักเล่มในหัวข้อที่คุณสนใจก่อนก็ได้


หนังสือชุด "เปลี่ยนชีวิตเจ็ดด้านสู่การเติบโตในพระคริสต์" สำนักพิมพ์กนกบรรณสาร ราคาเล่มละ 55 บาท สั่งซื้อกด ที่นี่


17. Personal OKRs ชีวิตจะสำเร็จตามเป้าหมาย ถ้าวัดผลได้เป็นระบบ

เล่มนี้อ่านง่าย ใช้ได้จริง เป็นหนังสือที่เหมาะกับยุคสมัยนี้ สำหรับผม เล่มนี้น่าสนใจ 3 อย่าง


หนึ่ง เนื้อหาเข้าใจง่ายมาก เป็นอีกครั้งที่ อ.นภดล (ผู้เขียน) เขียนเรื่องยาก ๆ ให้เข้าใจง่าย นี่คือลักษณะของคนที่ตกผลึกในเรื่องนั้นอย่างแท้จริง Value Mission Vision สามคำนี้ในองค์กรพูดบ่อย แต่น้อยคนจะเข้าใจ ครั้งนี้เราจะได้นำทั้งสามคำไปใช้ในชีวิต ใครไม่เคยรู้ว่า OKRs คืออะไร ในเล่มอธิบายไว้อย่างเข้าใจง่ายที่สุด


สอง เน้นการลงมือทำ นี่คือหนังสือที่บอกถึงวิธีตั้งเป้าหมายชีวิต แบบไม่เน้นแรงบันดาลใจไฟลุก แต่ปลุกให้ตื่น แล้วลุกขึ้นมาลงมือทำอย่างเป็นระบบ อ่านจบแล้วจะได้วิธีตั้งเป้าหมายส่วนตัว (งาน เงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์) ได้วิธีวัดผลว่าก้าวหน้าหรือย่ำอยู่กับที่ ได้คำตอบว่าตั้งเป้าหมายก็แล้ว ลงมือทำก็แล้ว แต่ทำไมไม่สำเร็จ? ได้คำตอบว่าทำอย่างไรดีไม่มีเป้าหมายชีวิต? นอกจากนี้ท้ายเล่มยังมีตาราง OKRs เอาไว้เขียนเป้าหมายพร้อมวิธีวัดความคืบหน้าอีกด้วย


สาม เล่มไม่หนา อ่านจบในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง (แต่ใช้งานได้ตลอดชีวิต) ขนาดกำลังพอดี พกไปอ่านนอกบ้าน ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ได้สบาย ๆ หรือจะถ่ายรูปลงโซเชียลเท่ ๆ แบบนี้ก็ได้


“Personal OKRs ชีวิตจะสำเร็จตามเป้าหมาย ถ้าวัดผลได้เป็นระบบ” เขียนโดย ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ สำนักพิมพ์ howto ในเครืออมรินทร์ ราคาปก 195 บาท สั่งซื้อกด ที่นี่



1,078 views0 comments
Home: Blog
Screen Shot 2561-12-19 at 01.56.23.png
Screen Shot 2561-12-19 at 01.56.34.png

กรอกข้อมูล รับฟรี! ebook บนท้องฟ้ารถไม่เคยติด

bottom of page