1.
เมื่อคืนคิดว่าจะไม่หลับก็หลับจนได้ กระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาไม่นานก็สงบ ลองนอนตะแคงขวาตามอย่างคำสอนในหนังสือท่านพุทธทาส ท่านว่าเป็นท่าที่เหมาะสมที่สุด แต่ก็ยังไม่ถนัด สุดท้ายต้องนอนหงายอย่างเดิมจึงจะหลับ
วันนี้ตื่นช้าขึ้นอีกนิด เพราะเมื่อวานตื่นเช้าเกินไป ออกเดินบิณฑบาตสวนทางกับเมื่อวาน ใช้เวลาแค่ห้านาที อาหารก็เต็มบาตร แต่ไม่ถึงกับต้องโทรเรียกเด็กวัดมาช่วย เข้าใจว่าคงเพราะช่วงเทศกาล จึงมีคนใส่บาตรเยอะเป็นพิเศษ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการบิณฑบาตก็คือ หนึ่ง-อย่าใส่อาหารร้อน ๆ (ทรมานตอนถือบาตร) สอง-อย่าใส่น้ำขวด (หนักมาก) และสาม-อย่าใส่อาหารถุงพอง ๆ (กินที่ในบาตร)
ข้อดีอย่างหนึ่งที่ผมพบจากการบวชเป็นพระ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงก็คือ ไม่ต้องซักกางเกงใน
ส่วนข้อเสียก็คือ พระยักคิ้วไม่ได้
2.
วันนี้ผมกับพระพรเลือกที่จะไม่ฉันหลังกลับจากบิณฑบาต ไม่อย่างนั้นจะฉันมื้อเช้าไม่ไหวเหมือนเมื่อวาน ยิ่งวันนี้เป็นวันทำบุญใหญ่ด้วย (13 เมษาวันมหาสงกรานต์) อาหารจะเยอะเป็นพิเศษ
ญาติโยมมากันเต็มศาลา อาหารมากมายลานตา ผมยังสวดพาหุงไม่ได้ตามเคย แล้วก็ไม่รู้เป็นอะไรพอพนมมือทีไรมือสั่นทุกที ไม่รู้เพราะตื่นเต้น เพราะถือบาตรนาน หรือเพราะหิว
ที่บ้านผมมาทำบุญ (คงได้เจอกันทุกวัน) ส่วนสีกาแฟนผม วันนี้ไม่มาทำบุญ เพราะไม่สบายและกลัวโดนสาดน้ำด้วย ...เดี๋ยวนี้สงกรานต์กลายเป็นสงครามไปแล้ว
ผมสังเกตว่าพระรูปไหน ๆ ก็พกมือถือกันทั้งนั้น พระบางรูปเสียงริงโทนเป็นเพลง "ใครใครก็ไม่รักผม" (ของน้องพลับ) พระบางรูปใช้เพลงชินจัง และพระบางรูปก็ใช้เพลง "คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ..." (ของวงแท็กซี่)
กินยาช่วยย่อยไปสองเม็ด มื้อเช้ากับมื้อเพลติดกันเหลือเกิน ต้องรีบย่อยมื้อเช้าให้หมด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพระต้องฉันติดกันขนาดนั้น
ด้านหลังกุฏิกำลังตกแต่งรถที่ใช้แห่พระบรมสารีริกธาตุไปรอบเมืองให้ประชาชนได้สรงน้ำกัน (ของเชิดหน้าชูตาของวัด) เจ้าอาวาสบอกเป็นสิบรอบว่า สนับสนุนโดยร้านผ้าไทยร้านหนึ่ง
ยังไม่ทันสิบโมงเช้า ...ง่วงนอนอีกแล้ว สงสัยยังไม่ชินกับการตื่นเช้า
3.
ระฆังฉันเพลดังอีกแล้ว อาหารไม่ค่อยถูกปาก แต่ต้องกิน ไม่อย่างนั้นจะหิวตอนเย็น นึกในใจว่าดีแล้ว ฝึกไว้จะได้กินง่าย อยู่ง่าย วันนี้พระพรไม่อยู่ ออกไปฉันที่บ้านโยมกับพระเจ้าอาวาส มีโยมมานิมนต์ออกไป ผมอดไปเพราะตัวใหญ่เกิน กินที่รถ
เข้าสู่ช่วงบ่ายอันว่างเปล่า จะทำอะไรดี? มีคนเมามาจากไหนก็ไม่รู้ นอนหลับอยู่หน้าประตูห้องพัก ผมจึงต้องคอยระวัง จะไปไหนก็ต้องล็อคห้องไว้ วัดยินดีต้อนรับทุกคนทุกอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะคนเมาหรือหมาจรจัด
พระที่นี่ส่วนมากจะมาจากทางภาคอีสาน โดยเฉพาะนครพนม เนื่องจากเจ้าอาวาสเป็นคนที่นั่น บางรูปก็มาเพื่อเรียน บางรูปก็มาเพื่อบวชภาคฤดูร้อน ส่วนเณรก็คือเด็ก มาบวชเพราะผู้ปกครองให้มาบวช คงไม่ได้ตั้งใจมาศึกษาธรรม ดังนั้นเราจึงอาจพบเห็นเณรได้ตามร้านเกมแถว ๆ วัด บางครั้งเล่นนานเลยเถิดจนพระต้องมาตามกลับวัดก็มี
อากาศร้อนมาก จนรู้สึกได้เลยว่าตัวเหม็น ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะไม่ได้ใช้อะไรดับกลิ่นเลย แต่ที่แปลกก็คือ เหม็นแค่รักแร้ซ้ายข้างเดียว ส่วนข้างขวาไม่มีกลิ่น
ห้องที่ผมพักอาศัย (ซึ่งเป็นของเณร แต่ตอนนี้กลับบ้านต่างจังหวัดช่วงปิดเทอม) มีทั้งโลชั่น แป้งฝุ่นกระป๋องใหญ่ โคลนพอกหน้า โฟมล้างหน้าและครีมอื่น ๆ อีกเกือบสิบกระปุก
...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเณรน้อยต้องรักสวยรักงามอย่างแน่นอน
4.
ผมนั่งอ่านหนังสือ "คู่มือคำสอนสำหรับผู้บวชใหม่" ในนั้นบอกไว้ว่า ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แปลว่าทุกอย่างไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์และไม่มีตัวตน มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ และมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกนั้นหามีอะไรไม่
บ่ายสาม นาฬิกาในกุฏิประหลาดมาก ทุกชั่วโมงจะดังเป็นเสียงเพลงเพี้ยน ๆ ลากเสียงยาว ตามด้วยเสียงหวอของรถพยาบาล ผมอาบน้ำอีกรอบ ซักสบง จีวร อังสะ เมื่อเช้าเหงื่อออกมาก แต่เพียงแค่เดินไปตากผ้าที่ศาลา พอกลับมา เหงื่อออกอีกแล้ว อากาศร้อนจริง ๆ
มองไปหลังกุฏิ รถที่ประดับประดาดอกไม้เสร็จเรียบร้อย เตรียมตัวเคลื่อนขบวน
วันนี้ผ่านไปเชื่องช้ากว่าเมื่อวานอีก นั่งอ่านหนังสือ “จะเลือกเงินหรือชีวิต” ต่อ เกิดคำถามขึ้นในใจว่าตกลงเป้าหมายในชีวิตผมคืออะไรกันแน่? งานที่ทำอยู่พอใจแล้วหรือยัง? ถ้าเป็นงานที่ชอบ แต่มีสิ่งที่ไม่ชอบปนอยู่ด้วย จะเรียกว่าเป็นงานที่ชอบได้ไหม?
ผมนั่งคิดถึงอนาคต แต่งงาน มีลูก ทำงาน ได้เวลาพักผ่อน เท่านี้นี้ชีวิตก็น่าจะโอเคแล้ว แต่พอคิดว่าชีวิตจริงคงไม่ง่ายขนาดนั้น ผมเริ่มเกิดความกังวล กลัวความทุกข์จะมาเยือน
หรือว่าที่จริง ทุกข์อยู่กับเรามาตลอด เพียงแต่เราไม่รู้ตัว
5.
ตอนเย็นแม่พาญาติมาเยี่ยมที่กุฏิ แปลกดีที่ถูกผู้ใหญ่ไหว้ ผู้ใหญ่เองก็คงรู้สึกเกร็งที่ต้องมาไหว้ผม แต่ญาติก็ผมบอกว่า "ไหว้ผ้าเหลือง"
ใกล้ค่ำ หิวสุด ๆ กินนมไปสามกล่องแล้ว หิวจนไม่มีสมาธิจะหัดท่องบทสวดมนต์ พวกที่ไปแห่ขบวนนางสงกรานต์กลับมาแล้ว เปียกไปตาม ๆ กัน ผมมองออกไปนอกวัด มีแต่คนเปียก
ไม่รู้จะทำอะไรดี กวาดวัดแก้กลุ้ม รู้สึกผิดที่คนอื่นทำงาน แต่ผมกับพระพร (ที่กลับมาตอนบ่าย) เอาแต่นั่งเฉย ๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเฉพาะเณรหรือเปล่าที่ต้องทำงาน ส่วนพระไม่ต้อง
ท่านพุทธทาสบอกไว้ว่า "การกวาดวัด" ถือเป็นวัตรปฏิบัติอย่างนึงที่ควรกระทำเมื่อบวช
หัวค่ำ คืนนี้ที่ลานวัดจะมีฉายหนังกลางแปลงเรื่อง “Bullet Proof Monk” ควบกับ “ตะเคียน” เรื่องแรกถือว่าเป็นหนังเกี่ยวกับนักบวช-พระ ได้ไหม?
จะว่าไป ผมไม่ชอบช่วงเวลาเย็นต่อกลางคืนเลย เสียงหนวกหูจากทั้งหนังกลางแปลงและเพลงที่วัดเปิดเรียกโยม ทำให้หาความสงบไม่ได้สักนิด เมื่อคืนผมนอนฟังเพลง “โบว์รักสีดำ” กับ “คุณลำไย” ไปหลายรอบ มีเพลงพุ่มพวงเวอร์ชั่นแปลงเนื้อให้หยาบคายขึ้นด้วย
เจ้าอาวาสประกาศบนศาลาด้วยอารมณ์น้อยใจว่า ถ้าไม่เอามหรสพมาล่อ ญาติโยมก็ไม่มาวัดกัน แต่นี่ขนาดเอามาแล้ว โยมก็ยังไม่มาวัด ไหนพระยังจะต้องพูดให้สนุก ติดตลก มีเพลง มีมุข ให้โยมชอบอีก
นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเป็นเจ้าอาวาสสินะ
6.
ผมพยายามจะเคร่งครัดต่อศีลให้มากที่สุด แต่บางทีก็รู้สึกแปลกที่พระรูปอื่นไม่เคร่งเอาเสียเลย บางรูปก็นอนฟังเพลง บางรูปฉีดน้ำหอมด้วย ...ส่วนผมนอนเหม็นอยู่คนเดียว
ลองเปิดโทรทัศน์ในห้อง รับชัดแต่ช่องเก้า ในที่สุดก็เปิดรับโลกภายนอกจนได้ อุบัติเหตุสงกรานต์ยังเยอะเหมือนเดิม
พระพรกินเป็ปซี่ดับร้อน หลังจากที่กินเอ็มร้อยห้าสิบไปแล้วหนึ่งขวด ส่วนผมกินนมไปอีกกล่อง รวมเป็นสี่กล่องแล้ววันนี้
โชคดีที่คืนนี้เวทีรำวงย้อนยุค ย้ายออกไปไกลหน่อย เสียงคงเบาขึ้น
ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้พบกันใหม่.
(อ่านตอนอื่น ๆ กดที่แฮชแท็กนี้ครับ #ผมไม่มีผม )
หมายเหตุ : หนังสือเล่มแรกที่ทำให้หลายคนรู้จักผม คือ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า" แต่จริง ๆ แล้วหนังสือเล่มแรกที่ผมเขียนและได้รับการตีพิมพ์ คือ "ผมไม่มีผม" เล่มนี้วางจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ.2548 เนื้อหาคือบันทึกเรื่องราวที่ผมบวชเมื่อปี พ.ศ.2547 ไม่ได้บวชนาน (แค่ 11 วัน) ไม่ได้บวชไกล (วัดอยู่ติดกับบ้านเลยครับ) แต่ผมก็อุตส่าห์จดบันทึกประสบการณ์ช่วงนั้นเสียยืดยาว จนกลายมาเป็นต้นฉบับที่สำนักพิมพ์ a book นึกอย่างไรไม่รู้ ตัดสินใจรับพิมพ์ (และขายไม่ออก)
วันเวลาผ่านไป ผมพบไฟล์ต้นฉบับอยู่ในฮาร์ดดิสก์ตอนกำลังเก็บของเตรียมย้ายบ้าน แม้ไม่มีใครร้องขอว่าอยากอ่าน "ผมไม่มีผม" แต่ผมก็อยากนำมาเผยแพร่ไว้ที่นี้ โดยเรียบเรียงใหม่ให้กระชับขึ้น เอาไว้อ่านกันสนุก ๆ ครับ ส่วนถ้าจะได้สาระไปด้วย ให้ถือว่าเป็นของแถมก็แล้วกัน ผมจะทยอยลงในเว็บไซต์เป็นตอน ๆ นะครับ
Comentarios