หนังสือเล่มนี้ผมแนะนำแบบสุด ๆ ครับ
(ยังไม่มีแปลไทย แต่อ่านง่ายมาก)
ได้ยินความดีงามของเล่มนี้มาสักพัก
ว่านี่คือหนังสือที่ Bill Gates แนะนำสุด ๆ
(ดูวิดีโอที่เขาแนะนำเล่มนี้ กด ที่นี่ )
ผมเคยไปพลิกอ่านที่ร้านหนังสือ แล้วก็วาง
มีกราฟอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ท่าจะยาก
คิดว่าซื้อมาคงดองไว้เป็นมะม่วงเปรี้ยว
แต่ปลายปีก่อน เห็นลดราคาในเว็บ ตปท.
ปกแข็งเหลือเล่มละ 400 บาท ส่งฟรีทั่วโลก
(ผมสั่งประจำที่เว็บ bookdepository )
เมืองไทยก็มีขาย ราคาเกือบ 500 บาท)
เมื่อความโลภเข้าครอบงำ
ผมจึงจัดมาดองไว้ก่อน
วันหนึ่ง ครึ้มอกครึ้มใจ
หาเล่มแรกของปี 2019 มาอ่าน
คุ้ยไปคุ้ยมาในกองหนังสือ ได้เล่มนี้มา
เท่านั้นแหละครับ...เป็นเรื่อง
อ่านไปก็รำพึงรำพันไปว่า "เจ๋งว่ะ!" ทำไมสนุกอย่างนี้
เล่าแบบคร่าว ๆ
หนังสือเล่มนี้น่าจะชื่อไทยว่า
"โลกไม่ได้แย่ อย่างที่ขุ่นแม่คิด"
(ตลกไปไหม?)
ความหมายก็คือ
ผู้เขียนบอกว่าคนเราดราม่ากันไปเรื่อย
ว่าโลกกำลังแย่ลงทุกวัน
ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นคนรวยคนจน
คนโลกที่สามอยู่กันอย่างแร้นแค้น
สงคราม ก่อการร้ายเต็มไปหมด
...พูดง่าย ๆ ก็คือ โลกนี้มีแต่ข่าวร้าย
และมันกำลังร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ
แต่คำถามฉุกคิดของหนังสือเล่มนี้ก็คือ
จริงหรือเปล่า? ไหนของดูหลักฐานหน่อย
หรือจริง ๆ เรา "มโน" กันไปเอง
ว่าแล้วผู้เขียนก็งัดสถิติต่าง ๆ มาให้เราดู
(มีที่มาที่ไปชัดเจน reference มาตรฐาน)
พวกเขาสร้างกราฟในแบบของตัวเองขึ้นมา
เพื่ออธิบายให้เราเห็นว่า
เรามองโลกหยาบไปหน่อย เหมารวมไปหน่อย
และมองแง่ร้ายมากไปหน่อย
(ลองเข้าไปเล่นเครื่องมือสถิติของเขาได้
กด ที่นี่ ครับ ลองหาประเทศไทยดู
ว่าเราอยู่ตรงไหนในมาตรฐานคุณภาพชีวิต)
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ
เราจะพบว่า "โลกไม่ได้แย่ อย่างที่คิด"
แต่มันดีขึ้นกว่าเดิมมาก ในหลาย ๆ ด้าน
ทั้งดีขึ้นแบบหลายเท่าตัว และค่อย ๆ ดีขึ้น
เพียงแต่เรื่องดีนั้นไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง
(และสมองเราก็ชอบเสพข่าวร้าย)
เมื่อบวกกับรวม Cognitive Bias
หรือการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล
ก็ยิ่งทำให้เรามองโลกแย่กว่าที่มันเป็น
ผู้เขียนก็เลยเล่าถึงชุดความคิด 10 อย่าง
ที่ทำให้เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับโลกใบนี้
(เขาพูดบนเวที TED talk ไว้ด้วย
มีแปลไทยครับ อยากดู กด ที่นี่ )
ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก
อ่านแล้วอยากพลิกหน้าต่อไป และต่อไป
แม้จะมีรูปกราฟเต็มไปหมดจนน่าตกใจ
แต่ถ้าได้อ่านใจความ จะรู้เลยว่า
กราฟเหล่านี้สนุก (และบางอันก็ตลกมาก)
คนเขียนเก่งมาก มีอารมณ์ขันในเรื่องสถิติได้
ถือเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากครับ
และแม้ผู้เขียนจะบอกว่า
คนเราดราม่ากันมากไปหรือเปล่า
แต่เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้
...ดราม่ามาก
เพราะในขณะที่กำลังเรียบเรียงต้นฉบับ
ผู้เขียนตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน
เขาใช้เวลาช่วงสุดท้ายไปกับหนังสือเล่มนี้
...และไม่มีโอกาสอยู่ถึงวันที่หนังสือวางแผง
Hans Rosling เสียชีวิตในวันที่ 7 ก.พ.2017
ก่อนที่หนังสือเล่มนี้จะวางจำหน่ายในปี 2018
หนังสือเล่มนี้ จึงเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของเขา ที่เต็มไปด้วยความหวังดี ให้กับเพื่อนมนุษย์
Hans Rosling บอกว่า
เขาไม่ใช่นักมองโลกในแง่ดี โลกสวย
แต่คือนักมองโลกที่เห็นความเป็นไปได้
...ความเป็นไปได้ว่า
โลกใบนี้กำลังดีขึ้น...ไม่ใช่แย่ลง
และพวกเราทุกคนต้องมีความหวัง
เพื่อช่วยกันทำให้โลกใบนี้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
Comments