1.
ถ้า "คิดลบ" แล้วมันเวิร์ค ชีวิตคนส่วนใหญ่คงจะดีกันหมดแล้ว แต่ถ้า "คิดลบ" แล้วมันไม่เวิร์ค ทำไมไม่ลองเปลี่ยนแผน มาลองค้นหาสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ล่ะ?
ผมไม่อยากใช้คำว่า "คิดบวก" เพราะบางคนไม่เข้าใจในคำนี้ คิดว่าคือการหลอกตัวเองไปวัน ๆ เจ็บปวดก็ต้องแกล้งหัวเราะมั้ง ...ทั้งที่จริงไม่ใช่เลย
ความจริงก็คือ "มีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ในทุกเรื่องราว" ต่อให้เรื่องที่ทำให้เสียน้ำตา ก็ยังมีบางอย่างสอนเราได้ ต่อให้ล้มจนหมดตัว ก็ยังให้บทเรียน อยู่ที่จะเก็บอะไรมาจากเหตุการณ์นั้น
เพียงแต่ธรรมชาติใจของเรามักคิดลบ เหมารวม ด่วนสรุป จำแต่แง่ร้าย ถ้ามีคน 4-5 คนมาด่าเรา เราจะบอกว่า "มีแต่คนเกลียดฉัน" แต่ถ้ามีคน 4-5 คนมาชื่นชมเรา เราจะไม่บอกว่า "มีแต่คนรักฉัน" เมื่อมองจากมุมนี้ มนุษย์จึงมีนิสัยแปลก เราพร้อมเหมารวมว่ามีแต่คนเกลียด มากกว่าจะเหมารวมว่ามีแต่คนรัก
แบบนี้นี่ไงเล่า...ตัวอย่างของการคิดลบ
ครั้งต่อไป ก่อนจะเหมารวม ลองถามตัวเองก่อนว่าข้อสรุปแบบนั้น มันเป็นความจริง หรือเป็นความเชื่อ? มันทำให้ชีวิตดีขึ้น หรือทำให้ชีวิตแย่ลง?
ถ้าไม่แน่ใจว่าจะสรุปอย่างไรดี ให้สรุปไปในทางที่ดีไว้ก่อน อย่างน้อยก็ได้กำไรความคิด
2.
ความสุข ความทุกข์ เมื่อนำมาจับกับกรอบเวลา ผมคิดว่ามีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ
หนึ่ง "ทุกข์วันนี้ เพื่อไปทุกข์วันหน้า" แบบนี้นับว่าน่าสงสาร โศกเศร้าทั้งชีวิต คิดลบเต็ม ๆ
สอง "สุขวันนี้ เพื่อไปทุกข์วันหน้า" แบบนี้นับว่าน่าเป็นห่วง เพราะเห็นแก่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว
สาม "ทุกข์วันนี้ เพื่อไปสุขวันหน้า" แบบนี้นับว่าอดทนพากเพียร แต่ต้องระมัดระวังทรมานตัวเองเกินไป
สี่ สุขวันนี้ เพื่อไปสุขวันหน้า แบบนี้นับว่าวางน้ำหนักได้ลงตัว หาได้ยากยิ่งนัก
ลองสำรวจตัวเองดูสิครับว่า ณ ตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในสุขทุกข์แบบข้อไหน? เราพอใจหรือไม่ ถ้าไม่พอใจ เราอยากเปลี่ยนให้ไปเป็นแบบข้อไหน? และอะไรคือวิธีที่จะเปลี่ยนไปสู่ข้อที่ต้องการได้?
หากใครลองทำตามขั้นตอนดังกล่าว ผมคิดว่าคนคนนั้นจะเข้าใจธรรมชาติของตนเองมากขึ้น
3.
อันที่จริง ชีวิตไม่จำเป็นต้องอมทุกข์ เราเกิดมาเพื่อมีความสุขได้ ...ไม่ผิดหรอก ขอแค่อย่าเดือดร้อนตนเอง อย่าเดือดร้อนผู้อื่น เท่านั้นก็พอ
แต่คนมีความทุกข์กับตนเอง มักไม่ยอมให้คนรอบตัวมีความสุข ส่วนคนที่มีความสุขกับตนเอง เขาก็จะไม่ยอมให้คนรอบตัวมีความทุกข์ เพราะคนเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง จากนั้นก็พยายาม...ทำให้คนอื่นเหมือนเรา
เราคิดกับตัวเราแบบไหน เราก็มักจะคิดกับคนอื่นแบบนั้นด้วย เพราะคนอื่นไม่มีอยู่จริง มีแต่ตัวเราอีกคน ที่เราเห็นว่าเป็นคนอื่นเท่านั้นเอง
หนังสือหลายเล่มจึงพูดตรงกัน ถ้าอยากเปลี่ยนคนอื่น ถ้าอยากเปลี่ยนโลก ให้เปลี่ยนที่ตัวเราก่อนเสมอ เพราะเมื่อเราเปลี่ยน เราจะมองโลกและมองคนอื่นเปลี่ยนไป เราจะคิดกับโลกและคิดกับคนอื่นเปลี่ยนไป
...จากนี้ไป ทุกครั้งที่ชีวิตเจอปัญหา ให้ถามตัวเองด้วยคำถามนี้เสมอ "สิ่งนี้สอนอะไรฉันบ้าง?"
คำถามนี้จะฝึกให้เราเป็นคนมองหาสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ และเมื่อได้คำตอบ ก็ให้เก็บมาเป็นบทเรียน พกติดใจเอาไว้ จะได้ไม่ล้มท่าเดิม พร้อมเริ่มท่าใหม่ ซึ่งถึงจะล้มอีกที...ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะได้อะไรทุกครั้ง...ที่ล้มลง
ถ้า "คิดลบ" แล้วไม่เวิร์ค ทำไมไม่ลองเปลี่ยนแผนดูบ้างล่ะครับ?
Comentários