top of page

เพราะโลกนี้มีคนแบบเรา...แค่คนเดียว

1.

ประโยคหนึ่งในหนังสือชื่อ The ONE Thing หนังสือระดับ New York Times Bestseller เมื่อหลายปีก่อน (ปัจจุบันมีแปลไทยแล้วในชื่อ "ได้ทุกสิ่งด้วยสิ่งเดียว") เขียนเอาไว้ว่า "Ignoring all the thing you could do

and doing what you should do." แปลเป็นไทยว่า เลิกสนใจว่าเรา "ทำอะไรได้" แล้วใส่ใจในสิ่งที่เรา "ควรทำ"

ภาพถ่ายโดย Anna Shvets จาก Pexels

สิ่งที่ผมชอบในประโยคนี้ก็คือ มันแสดงให้เห็นถึงปัญหาของคนยุคนี้ เพราะในหนึ่งวันมีสิ่งที่ผ่านเข้ามาให้ต้องคิด มากกว่าที่ผ่านเข้ามาทั้งชีวิตของบรรพบุรุษเราเมื่อหลายร้อยปีก่อนเสียอีก

ยุคก่อน เราไม่มีอะไรดี ๆ จะกิน แต่ยุคนี้ เราไม่รู้จะกินอะไรดี ยุคก่อน เราไม่ค่อยได้รู้ข่าวคราวของคนไกล แต่ยุคนี้ เรารู้ข่าวคราวของคนไกลมากกว่าคนใกล้ตัวเสียอีก

ทั้งหมดทั้งปวงทำให้เราจมอยู่ในข้อมูลที่ไหลทะลักราวเขื่อนแตก แถมด้วยสังคมที่พยายามผลักหลังให้เรา "ต้องเก่งทุกด้าน" ต้องเก่งงาน ต้องเก่งคน ต้องเก่งลงทุน เราจึงพยายามทำนู่นนั่นนี่เต็มไปหมด หวังจะเก่งให้ได้ทุกเรื่อง แต่กลับลืมถามตัวเองว่า


"แล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่เราควรทำ?"

2.

อีกประโยคที่ผมชอบมากในหนังสือเล่มนี้ เขาเขียนไว้ว่า บริษัทที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำเร็จในระดับโลก บริษัทนั้นจะเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอว่า "What's Our ONE Thing?"


อะไรคือ "หนึ่งเดียว" ของเรา? อะไรคือ "ภารกิจหนึ่งเดียว" ของเรา? อะไรคือ "สินค้าหรือบริการหนึ่งเดียว" ของเรา?

คำพูดนี้สอดคล้องกับเมื่อตอนที่ผมไปบรรยายให้หลายบริษัท บริษัทสมัยก่อน มีสินค้าหลายสิบประเภทใต้แบรนด์เดียวกัน แต่บริษัทยุคนี้ต้องมีเพียง "สินค้าหนึ่งเดียว" ที่ผู้คนจดจำ สินค้าตัวอื่น ๆ เป็นเพียงองค์ประกอบ แอปเปิ้ลคือตัวอย่างบริษัทที่ชัดเจนมาก ...พูดง่าย ๆ ว่าหมดยุค "จับฉ่าย ฉันทำได้ทุกอย่าง" แล้ว


ไม่ใช่แต่เพียงบริษัท แต่ผมคิดว่า "บุคคล" อย่างเรา ก็ถามตัวเองได้เช่นกันว่า "What's Our ONE Thing?"


อะไรคือ "ความสามารถหนึ่งเดียว" ของเรา?

3.

อย่างผมเอง ถึงแม้จะเคยทำมาหลากหลายอาชีพ แต่เมื่อถอดรหัสดู ก็พบว่าแทบทุกอาชีพ ผมใช้ "ความสามารถด้านการเขียน" แม้ในเวลาต่อมาจะมีงานพูดมากกว่างานเขียน แต่ที่ผมพูดได้ ก็เพราะ "เขียนบทพูด" ได้นั่นเอง ...ความสามารถด้านการเขียน จึงคือ The ONE Thing ของผม ยิ่งเขียน ยิ่งฝึก ยิ่งเก่ง ยิ่งง่าย ยิ่งทำเงิน


เพราะฉะนั้นคำถามสำคัญก็คือ แล้วอะไรล่ะที่เป็น The ONE Thing ของเรา?


เลิกสนใจว่า "ฉันทำอะไรได้บ้าง?" แล้วใส่ใจในสิ่งที่เรา "ควรทำ" และ "ทำมันได้ดี" ผมคิดว่าสิ่งนี้นี่แหละที่สำคัญ

จอมยุทธย่อมมีท่าไม้ตายหนึ่งท่วงท่า ยอดมนุษย์ในหนังยังมีความสามารถพิเศษคนละหนึ่งอย่าง หา The ONE Thing ของเราให้เจอ แล้วเราจะเป็น The ONE and Only


เพราะโลกนี้มีคนแบบเรา...แค่คนเดียว


4.

สมมติว่าถ้าโลกนี้มีคนอยู่แค่ 100 คนเท่านั้น สิ่งที่เราจะพบก็คือ...


80 คน คือคนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรใหม่ ๆ เขาแค่คิดว่าน่าจะทำไม่ได้หรอก ก็เลยไม่ทำ งั้นทำตาม ๆ กันไปดีกว่า

15 คน คือคนที่ลงมือทำอะไรใหม่ ๆ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ทน เจอปัญหานิดหน่อยก็ยอมแพ้ บอกว่าล้มเหลว ทั้งที่จริงคือล้มเลิก เป็นลูกสมุนกีกี้ในหนังไอ้มดแดง โดนเตะทีเดียวตายง่ายเหลือเกิน

ส่วน 5 คนที่เหลือ คือคนที่กล้าลงมือทำอะไรใหม่ ๆ เขาไม่แน่ใจ เต็มไปด้วยความสงสัยเหมือนกับคน 80 คน แต่ก็ลงมือทำ...ทำทั้ง ๆ ที่กลัว เขาเจอปัญหาเหมือนกับคน 15 คน เพียงแต่ไม่ยอมแพ้ เขาคิดว่าอีกนิดนึงเท่านั้น ชัยชนะอยู่หลังประตูบานนั้นแล้ว...และแล้วเขาก็ทำได้สำเร็จ


80-15-5 สัดส่วนมักเป็นแบบนี้ กฎค่าเฉลี่ยทำงานเที่ยงตรง โลกนี้จึงมีผู้นำน้อยกว่าผู้ตาม ถ้าอยากเป็นผู้นำ จึงต้องยอมรับเลยว่าฉันจะต้องเป็นคนส่วนน้อย ฉันจะต้องเจองานหนัก อุปสรรคยาก ๆ ต้องมาแน่

เพียงแต่อย่าได้ขอให้ปัญหาเล็กลงเรื่อย ๆ เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของผู้นำ แต่จงขอให้ความสามารถของเรานั้นใหญ่กว่าปัญหา


เพราะนั่นแหละคือคน 5% คนเป็นผู้นำที่แท้จริง

5.

ถ้าอยากประสบความสำเร็จ "จงอย่าทำแบบที่คนส่วนใหญ่คิด พูด ทำ" เพราะถนนสายหลักที่ผู้คนมุ่งตรงไปนั้น มักไม่ใช่ถนนสู่ความสำเร็จเลยสักนิด และเราไม่ควรพาชีวิตไปบนถนนสายนั้น


ถามว่าคนส่วนใหญ่คิดอะไร? ตอบว่าคนส่วนใหญ่คิดลบ หมกหมุ่นอดีต เฝ้าคิดถึงคนที่เกลียด คิดสั้นแค่วันต่อวัน คิดถึงประโยชน์ตัวเองมากเกินไป คิดมาก กังวลไปหมดทุกอย่าง ว้าวุ่นทั้งวัน คิดเล็กคิดน้อย คิดพยาบาทอาฆาต ไม่คิดให้อภัย

ถามว่าคนส่วนใหญ่พูดอะไร? คนส่วนใหญ่พูดจาไร้สาระ ส่อเสียด นินทาว่าร้าย พูดตำหนิติเตียนคนอื่น แต่ไม่พูดถึงข้อเสียของตัวเอง พูดแต่เรื่องลบ ๆ บ้างก็พูดโกหก พูดไม่จริง ใส่ความคนอื่น

ถามว่าคนส่วนใหญ่ทำอะไร? คนส่วนใหญ่ทำเหมือน ๆ กัน ตาม ๆ กันมา ทำอะไรก็ได้ที่ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่กล้าเสี่ยง ไหลไปตามกระแสแฟชั่น รักสนุก ชอบความสุขเฉพาะหน้า ความอดทนต่ำ ตัดสินใจช้า แต่เปลี่ยนใจเร็ว

ลองหมั่นสังเกตดูว่า ตอนนี้เรากำลังทำตัวเหมือนที่คนส่วนใหญ่ทำกันหรือเปล่า? ผมเองก็ใช้วิธีนี้สำรวจตัวเองอยู่บ่อย ๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองเริ่มหย่อนยาน กลายเป็นใช้วิถีชีวิตแบบคนส่วนใหญ่ ก็จะปรามตัวเองให้ออกจากกระแสนั้น ...ทำได้บ้าง ยังทำไม่ได้บ้าง แต่ก็ดีขึ้นในทุกวัน


หาหนึ่งสิ่งของเราให้เจอ ใส่ใจในสิ่งที่ควรทำ ตั้งใจทำให้ดี อย่าสะเปะสะไปเรื่อย และอย่าทำแบบที่คนส่วนใหญ่คิด พูด หรือทำ เพราะนอกจากจะไม่แตกต่าง ไม่เป็นหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นแล้ว


ยังค่อย ๆ พาให้เราไปอยู่บนถนนที่ไม่ประสบพบกับความสำเร็จเสียด้วยสิ.

4,398 views0 comments
Home: Blog
Screen Shot 2561-12-19 at 01.56.23.png
Screen Shot 2561-12-19 at 01.56.34.png

กรอกข้อมูล รับฟรี! ebook บนท้องฟ้ารถไม่เคยติด

bottom of page