top of page

รายได้ 3 แบบ ที่เราควรจะมี

Updated: Feb 21, 2021

1.

มีประโยคหนึ่งซึ่งผมท่องไว้จนขึ้นใจ ประโยคนั้นคือ "อย่าปล่อยให้ตัวเองมีทางเลือกเดียว" เพราะการมีทางเลือกเดียว แถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ไม่มีทางเลือก" หลายคนฝากชีวิตไว้กับงานเดียว รายได้ทางเดียว ผมเห็นแล้วเป็นห่วงแทน อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้น?

ree
ภาพถ่ายโดย olia danilevich จาก Pexels

หลายปีก่อน ผมเคยสัมภาษณ์คนที่ทำงานมาสิบกว่าปี วันนึงเขาถูกเลิกจ้าง เพราะบริษัทลดคน และอยากได้เด็กใหม่ๆ ที่ความคิดสดกว่า ...ในราคาที่ถูกกว่า เขาก็เลยตกงานกะทันหัน ต้องมาสมัครงานใหม่ ...วันนั้นเขาร้องไห้ต่อหน้าวงสัมภาษณ์ (ผมและคนอื่น ๆ เป็นผู้สัมภาษณ์) และที่โหดร้ายกว่านั้น...เขาไม่ผ่าน ต้องหางานต่อไป


ผมเคยเห็นคนที่ธุรกิจล้มระเนระนาดในเวลาไม่กี่วัน ทั้งที่กำลังไปได้สวย เพราะปัจจัยภายนอกที่ยากจะควบคุม หรืออย่างผมเองก็เคยถูกเลิกจ้างจากบริษัทใหญ่โตที่ใครๆ ก็คิดว่าน่าจะฝากชีวิตไว้ได้ ยังดีที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้า จึงเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่เคยฝากชีวิตไว้กับงานเดียวอีกเลย เพราะมันเสี่ยงเกินกว่าที่จะเอาชีวิตของเรา ฝากไว้กับใครคนใดคนนึง


ถ้าจำเป็นจะต้องฝากไว้กับใคร ...ใครคนนั้นก็ควรเป็น "ตัวเราเอง"


2.

ชีวิตนี้ผมมีโอกาสได้พบปะกับเศรษฐีหลายๆ ท่าน หนึ่งในหลายสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากคนกลุ่มนี้ก็คือ "พวกเขาไม่ได้มีรายได้ทางเดียว" แต่มีสายธารแห่งรายได้หลายสายมาบรรจบกัน คล้ายปิง วัง ยม น่าน ที่รวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ...ซึ่งตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้ทางเดียว


ผมคิดว่าเราน่าจะหมั่นตรวจสอบตัวเองดูว่า ณ ปัจจุบันวันนี้เรามีรายได้กี่ทาง ว่ากันตั้งแต่ เงินเดือน ค่าจ้างพิเศษ ค่าเช่า เงินปันผลหุ้น กำไรจากส่วนต่างราคาของหุ้น ทองคำ ที่ดิน ฯลฯ ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย แต่เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต


ลองคิดดูว่าถ้าทุกวันดื่มกินจากแม่น้ำสายเดียว แล้ววันหนึ่งเกิดแห้งเหือดขึ้นมา การหาแม่น้ำสายใหม่เวลาที่กำลังกระหายคอแห้งผาก ...ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ


ประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนผมว่า เราไว้ใจที่ไหนหรืองานไหนเพียงงานเดียวหรือที่เดียวไม่ได้ เพราะวันที่ล้มลง ไม่มีใครมานั่งดูหรอกว่าเรามีภาระอะไร แล้วบอกว่า


"เว้นมันไว้สักคน ลูกมันยังเล็ก เมียมันยังเด็ก" (ฮา)


3.

มีรายได้ 3 แบบที่เราควรจะมี (ถ้ายังไม่มี ก็ค่อย ๆ สั่งสมไป) หนึ่ง รายได้ประจำ จะมากจะน้อย ควรคาดเดาได้ทุกเดือน (เพื่อความอุ่นใจ) สอง รายได้ลิขสิทธิ์ ส่วนแบ่ง ค่าเช่า ดอกเบี้ย ปันผล (ไม่ต้องใช้ตัวเรา ไม่ต้องใช้เวลา) และสาม รายได้พิเศษ มาไม่บ่อย เป็นจ็อบพิเศษ (ถือเป็นโบนัส)


นี่คือ "พอร์ตรายได้" ที่ผมคิดว่าเข้าท่าและสมดุล ลองคิดดูครับว่าจะทำอะไรเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ 3 แบบนี้ หาความรู้เพิ่ม รับงานเสริม เริ่มลงทุน ฯลฯ


เมื่อทำได้ ให้นำรายได้ส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน นำเงินส่วนนี้ไปลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้แบบที่สองให้มากขึ้น เราจะอุ่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ


จนถึงวันนึงเราจะเลือกได้ว่าฉันจะทำงานเพราะฉันอยากทำ ไม่ใช่เพราะฉันต้องทำ

4.

รู้จักคำว่า Leverage มั้ยครับ? แปลตรงๆ ก็คือ "การงัด" รากศัพท์มาจากคำว่า Lever ที่แปลว่า "คานงัด" (ตอน ม.ปลาย ใครเรียนสายวิทย์ คงนึกออกว่ามีเรื่องคานงัดอยู่ในวิชาฟิสิกส์) แต่ถ้าแปลให้กว้างๆ กว่านั้น Leverage ก็คือ "เครื่องทุ่นแรง" และเพราะเครื่องทุ่นแรงนี่เองที่ทำให้มนุษย์ก้าวหน้ากว่าสัตว์อื่น ๆ เรามีรอกไว้ดึงของหนัก ๆ เรามีรถม้าไว้เดินทางให้เร็วกว่าเดิน ...นั่นคือ Leverage ในการดำรงชีวิตสมัยก่อน


ตัดฉับมาปัจจุบัน ในโลกที่หมุนด้วยเงิน เราเองก็มี Leverage ทางการเงินที่ทำอะไรได้มากขึ้น เช่น กู้เงินไปทำธุรกิจได้ ทั้งที่ไม่มีเงินทุนขนาดนั้น นำเงินไปลงทุนให้เงินทำงานแทนเราได้ในตลาดทุน


แต่ที่น่าขำขื่นก็คือ ชนชั้นกลางอย่างเรา กลับเอา Leverage มาทำให้ตัวเองจนลง เรามีบัตรเครดิตที่มีวงเงินต่อเดือนมากกว่ารายได้ที่หาได้ในหนึ่งเดือน เราซื้อรถได้ในราคาที่ต้องเอารายได้เกือบครึ่งมาผ่อนจ่าย และเราซื้อบ้านราคาหลายล้านได้ แต่ต้องผ่อนกันจนแก่จวนตาย


ทั้งหมดนี้กลายเป็น Leverage หรือเครื่องทุ่นแรงที่เราใช้ทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่สิ...


ผมว่าบางทีเราเองอาจเป็นเครื่องทุ่นแรงของใครอยู่ก็ได้


5.

เพราะฉะนั้นคำถามสำคัญก็คือ "วันนี้เราใช้เครื่องทุ่นแรงอะไรในการหาเลี้ยงชีพ?”เรายังเอาเวลาไปแลกเงินตลอดเวลาหรือเปล่า? เรามีเครื่องทุ่นแรงในการสร้างรายได้หรือยัง? เช่น จ้างคนอื่นทำ นำเงินไปลงทุน สร้างสินทรัพย์ทางปัญญา สร้างระบบบางอย่างขึ้นมา


คนทั่วไปยอมขายเวลา 100% ของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองรับรายได้ 100% เต็ม แต่คนมั่งคั่งจะจ้างคนอื่นทำ ตัวเองดูแลนิดหน่อย อาจจะแค่ใช้เวลาแค่ 1% ของเวลาทำงานแต่วัน เขายอมให้คนอื่นได้ไป 70% ตัวเองรับ 30% ก็พอ ซึ่งฟังดูเหมือนน้อย แต่อย่าลืมว่าเขายังเหลือเวลาอีก 99% และจ้างคนอื่นทำได้อีก 99 คน เพื่อรับรายได้ 99x30% =2970% มากกว่าคนทั่วไปถึง 30 เท่า (ในกรณีที่เขาอยากทำงานเต็มเวลาในแต่ละวันนะครับ)


นี่เป็นตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับความหมายของคำว่า Leverage หรือเครื่องทุ่นแรง ความหมายคือ ไม่เอาแรง ไม่เอาเวลาของตนเองไปแลกตลอด


...หาให้เจอสักหนึ่งอย่างหรือมากกว่าก็ยิ่งดีครับ


หมายเหตุ : เรียบเรียงจากบางส่วนของหนังสือ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า" สั่งซื้อ กดที่นี่

Comments


Home: Blog
Screen Shot 2561-12-19 at 01.56.23.png
Screen Shot 2561-12-19 at 01.56.34.png

กรอกข้อมูล รับฟรี! ebook บนท้องฟ้ารถไม่เคยติด

©2021 by boywisoot

bottom of page