"เงินเดือนของเราคือรายจ่ายของบริษัท"
ใครที่เข้าใจในประโยคนี้
เขาคนนั้นจะตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
และเร่งพัฒนาตัวเอง
ข้อดีของเงินเดือนคือให้ความมั่นคง
แต่ข้อเสียก็คือทำให้ใครหลายคนเฉื่อยชา
คนส่วนใหญ่ เมื่อทำงานไปสักพัก
ก็จะเริ่มหยุดพัฒนาตัวเอง
ลืมนึกไปว่าซอฟท์แวร์ที่ไม่อัพเดท
ไม่นาน ก็จะถูกเลิกใช้ในที่สุด
และเพราะเงินเดือนนั้นให้ความมั่นคง
มันจึงยิ่งดับเบิ้ลความเสี่ยง
เพราะทำให้เราคิดฝากชีวิตไว้กับบริษัท
ไม่เคยคิดหา "ทางเลือก"
ที่จะกลายเป็น "ทางรอด" เมื่อยามคับขัน
...มีอยู่สองครั้งในชีวิตที่ผมถูกเลิกจ้าง
เพราะบริษัทเกิดวิกฤต จึงต้องลดค่าใช้จ่าย
โชคยังดีที่ผมขุดบ่อไว้ตั้งแต่ยังไม่หิวน้ำ
บริษัทไม่ผิด เป็นใครก็ต้องทำแบบนั้น
แต่เราต่างหากที่เตรียมตัวอย่างไรไว้บ้าง?
รีบพัฒนาทักษะในอาชีพที่ทำอยู่ ไปเรียนทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติม
เรียนพูด เรียนเขียน เรียนนู่นนั่นนี่
หางานพิเศษทำในวันหยุดหรือหลังเลิกงาน
ศึกษาด้านการลงทุน ฯลฯ
เพราะความมั่นคงไม่ได้อยู่ที่บริษัท แต่ความมั่นคงอยู่ที่ตัวเรา เรามีความสามารถมากเท่าไหร่ ก็มั่นคงมากเท่านั้น
เมื่อวันที่บริษัทเกิดวิกฤต
เราและครอบครัวจะต้องไม่วิกฤตตาม
ซึ่งทั้งหมดแก้ไขได้ด้วย
"พัฒนาความสามารถตัวเอง"
และ "ต้องมีรายได้หลายทาง"
8 ชั่วโมงที่ทำงานในออฟฟิศ
ทำให้อยู่รอดไปได้หนึ่งเดือน
แต่เวลาหลังจากเลิกงาน
นั่นคือเวลาที่ใช้เปลี่ยนชีวิตเรา
ด้วยความเคารพในทุกอาชีพ
แต่งานประจำนั้นเปลี่ยนชีวิตได้ยาก
เพราะถูกออกแบบให้มั่นคงเกินไป
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจึงหายหมด
ในขณะที่ชั่วโมงหลังเลิกงาน
จะดึงสัญชาตญาณนั้นออกมาอีกครั้ง
ไม่ใช่ชวนลาออก ไม่ได้บอกว่างานประจำไม่ดี
แต่เราน่าจะทำอะไรเพิ่มเติม
หลังจากที่งาน "เลี้ยงชีวิต" จบครบ 8 ชั่วโมง
เพราะเวลาหลังเลิกงาน
อาจเป็นเวลาที่ "เปลี่ยนชีวิต" เราได้
อีกเรื่องหนึ่งที่ควรตระหนักไว้
...อย่าเป็นวงกลมที่อยู่ในวงกลมของคนอื่น
ถ้าคนหนึ่งคน เปรียบเหมือนวงกลมหนึ่งวง
ทุกคนก็คือวงกลมที่สวนกันไปมา
บางคนวงกลมเล็ก บางคนวงกลมใหญ่
เมื่อผ่านมารู้จัก ทักทาย สนิทสนม
วงกลมก็เริ่มมีบางส่วนทับซ้อนกัน
แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
ปัญหาก็คือ บางคนกลับทำตัวเล็กลีบ
เข้าไปเป็นวงกลมเล็ก ๆ ในวงกลมของอีกคน
ให้วงกลมของคนอื่น ครอบคลุมวงกลมของเรา
บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่าผมกำลังพูดถึงอะไร?
ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้
พนักงานที่ฝากทั้งชีวิตไว้กับบริษัท
บริษัทที่มีลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียว
เหล่านี้คือตัวอย่างของการเอาวงกลมของเรา
เข้าไปอยู่ในวงกลมคนอื่นทั้งวง
ทั้งที่จริงความสัมพันธ์นั้น
มีได้ทั้งแบบ "ต่างฝ่ายต่างพึ่งพา"
และแบบ "พึ่งพิงอยู่ฝ่ายเดียว จนแทบจะล้มทับ"
แบบแรกคือวงกลมสองวงที่ซ้อนกัน
ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ต่างพึ่งซึ่งกัน
แบบที่สองคือวงกลมเล็ก ในวงกลมใหญ่
วงกลมเล็กอาจอุ่นใจ แต่ก็เสี่ยงแบบไม่รู้ตัว
ส่วนวงกลมใหญ่ ก็อึดอัดที่ถูกพิงตลอดเวลา
ความสัมพันธ์ที่จะยืดยาวได้นั้น
ระดับของสองฝ่ายต้องเท่า ๆ กัน
ต้องไม่มีใครรู้สึกว่าถูกพึ่งพิงจนเกินไป
...อย่าเป็นวงกลมที่อยู่ในวงกลมของใคร
แต่จงเป็นวงกลมที่ซ้อนทับกันบางส่วน
อย่าทำตัวเป็นวงกลมเล็กลีบ
แต่จงขยายวงกลมของเราออกไป
เพื่อพบกับวงกลมวงใหม่ ๆ
ที่จะมาซ้อนทับกันกับเราอีกบางส่วน
แล้วเราจะรู้สึกควบคุมชีวิตได้
แล้วเราจะไม่รู้สึกว่าฝากชีวิตไว้ที่ใคร
เพราะชีวิตของเรา
ย่อมสมควรอยู่ในวงกลมของเราเอง
#บนท้องฟ้ารถไม่เคยติด
Comments