1.
นานมาแล้วมีคน inbox มาปรึกษาผม เขาอยากเป็นโค้ช อยากทำคอร์สออนไลน์ ตอนนี้ทำแฟนเพจ มีคนติดตามหลักพัน ผมอ่านไปเรื่อย ๆ มาสะดุดตรงที่ประโยค... "ลงเรียนนู่นนั่นนี่หมดเงินค่าเรียนไป 2.5 แสนบาท จากตอนแรกมีเงิน ตอนนี้เงินติดลบแล้ว" เขาปรึกษาผมว่าจะเรียนอะไรต่อดี น่าเรียนไปหมดเลย...
วันนั้น ผมตอบเขาไปว่า...อย่าเลยครับ อย่าเรียนเลย หรือถ้าอยากจะเรียนจริง ๆ ก็ไปเรียนเรื่องจัดการการเงินก่อนดีกว่า ถ้าต้องเป็นหนี้เพราะการเรียน ...มันไม่น่าจะถูกแล้วล่ะ
พอเจอเรื่องแบบนี้ บรรยายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกันครับ จะบอกว่าเขาคนนี้ผิด ก็คงใช่...แต่ไม่ทั้งหมด
ทุกคนในวงโคจรนี้ มีส่วนร่วมรับผิดชอบเรื่องนี้
2.
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน บ้านเรายังไม่มีคอร์สสอนเยอะแยะเท่านี้ ต่างกับตอนนี้ที่เต็ม news feed ไปหมด คอร์สสอนนู่นนั่นนี่ล้นเมืองพอ ๆ กับร้านกาแฟ ร้านชาไข่มุก เรียกว่า ใคร ๆ ก็เป็นกูรูได้ ทั้ง ๆ ที่กูเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง...ก็มาสอนกันเสียแล้ว
สาเหตุที่มีคอร์สสอนนู่นนั่นนี่เยอะไปหมด ผมคิดว่ามองได้ 2 ฝั่ง
ในฝั่งคนสอน ผมเชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จจากการทำคอร์ส ไม่ได้เริ่มต้นสอนเพราะเห็นว่าได้เงินเยอะ แต่สอนเพราะเขาชอบเรื่องนั้น อยากบอกให้คนรู้ พอถึงเวลา พอจังหวะได้ ดอกไม้ก็บานของมันเอง สำเร็จเองโดยไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต่างจากผลผลิตรุ่นหลัง ๆ ที่เข้ามาเพราะเห็นโอกาสทำเงินจากการสอน โดยไม่ทันคิดว่าอะไรที่มัน oversupply มีเยอะเกินไปแล้ว มันย่อมคือขบวนสุดท้ายของโอกาส
ในฝั่งคนเรียน ฝรั่งมีคำเรียกคนที่ชอบเข้าสัมมนา ชอบเรียนรู้แบบเข้าเส้น ชนิดที่ว่าไปสัมมนาไหน เป็นต้องเห็นเขาหรือเธอ (แต่ไม่ค่อยเห็นลงมือทำเสียที) เขาเรียนคนแนวนี้ว่า Seminar Junkies หรือ คนเสพติดสัมมนา คนลักษณะนี้ชอบบรรยากาศของสัมมนา มีไฟ มีพลัง เชื่อว่าความรู้จากการเข้าสัมมนา (หรือยุคนี้คงหมายถึงเรียนออนไลน์) คือ คำตอบของความสำเร็จ ซึ่งก็ใช่ว่าจะผิด แต่ก็คงไม่ถูกทั้งหมดครับ ยิ่งเรียนเพื่อไปเป็นคนสอนต่ออีกที บางทียิ่งงงไปกันใหญ่ เพราะความจริง เราต้องมี "ของ"ก่อน แล้วค่อยไปเรียนเทคนิคการสอน แต่ถ้ามีเทคนิคการสอน แต่คนคนนั้นไม่มีของ อันนี้คงกลวงน่าดู
บางคนอาจจับคอร์ดกีตาร์ได้ จำได้หมด แต่ถ้าไม่มีสไตล์ แต่งเพลงเองก็ไม่ได้
คนนั้นก็จะเป็นแค่คนเล่นกีตาร์ได้ ไม่ใช่มือกีตาร์มีสไตล์ที่ผู้คนจะจดจำ
3.
อย่างไรก็ตาม เรื่องสไตล์ของตัวเองมันสอนกันยาก หรืออาจสอนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คนมาเรียนก็ไม่รู้เรื่อง...บรรยากาศพาไป มาเรียนด้วยหวังว่าจะเป็นได้อย่างผู้สอน ทั้งที่ความจริง เรื่องนี้มี "บุญเก่า" มาหนุนส่ง
บุญเก่า คือ สิ่งที่เคยทำสั่งสมมานาน เช่น เป็นคนชอบอ่านหนังสือมานานแล้ว อ่านแบบวิเคราะห์ด้วย ไม่ใช่อ่านไปเรื่อยเปื่อย เป็นคนคิดเป็นระบบ จดบันทึก เห็นภาพรวม เป็นคนนิสัยดี เป็นคนกล้าพูด กล้าลงมือนานแล้ว จนวันนี้มาเรียน ได้รับการชี้แนะบางอย่าง จึงเกิดเป็น "บุญใหม่" พอผสมกันเข้ากับ "บุญเก่า" ผลบุญก็เลยเผยออกมาให้เห็น
ไม่มีบุญเก่า มาเรียนเอาบุญใหม่ ก็ไม่เกิด มีบุญเก่า มาเรียนแล้วเจอบางอย่างแล้วคลิก ก็เกิด ประสบความสำเร็จ ผู้คนนิยมชมชอบ เรียนที่ว่านี้ผมไม่ได้หมายถึงสัมมนาอย่างเดียว แต่หมายถึงได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเพิ่ม
จะเกิดได้ จึงต้องมีบุญเก่า ผมจึงไม่เคย "เคลมสิทธิ์" ว่าคนคนนี้ "เกิด" เพราะเคยเรียนกับผม โธ่...เขามีบุญเก่ามาต่างหาก อย่างเราเต็มที่ก็แค่ปัดเส้นผมออกให้เท่านั้น เงินก็ได้จากเขาแล้ว ยังจะทวงสิทธิ์อะไรอีก
ผมเชื่อว่าคนที่หมดตัวเพราะความหวัง คงไม่ได้มีแค่คนที่เขียน inbox มาหาผมเท่านั้น และผมก็เชื่อว่ามีผู้สอนบางคน
...ย้ำว่าบางคน หาโอกาสกับความหวังของคนอ่อนแอ
4.
หนทางที่เราจะช่วยกันได้ หากใครข้องเกี่ยวกับวงการนี้ ผมอยากลองเสนอดังนี้
ในฝั่งคนสอน เอาพอประมาณ อย่าบิวท์มาก อย่าให้ความหวังเสียเยอะแยะ คนเขามาด้วยความคาดหวังสูง เราสอนอย่างไร ก็เติมความหวังเขาไม่เต็ม บางทีการโชว์ถอดสแควร์รูทให้เด็ก ป.1 ดู ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นหรอก ที่สำคัญ ต้องเพิ่มความละอายใจให้เยอะ ๆ อย่าเห็นแก่เงินเยอะ เงินเยอะแล้วธาตุแท้มักออก หางมักโผล่ ขอให้สอนสิ่งที่เรารู้จริง มีประสบการณ์มานานพอ ไม่ใช่สียังไม่ทันแห้ง ก็ยกมาตั้งขายเสียแล้ว อย่าหากินบนความรู้ไม่ทัน...เพราะมันบาป
ในฝั่งคนเรียน ผมคิดว่าคงต้องมีสติหน่อย คนสอนไม่ใช่พระเจ้า ไม่ต้องศรัทธาจนไม่ลืมหูลืมตา บางทีเราอาจแค่ไม่เคยเห็นการถอดสแควร์รูท ก็เลยตื่นเต้น เงินในกระเป๋าสั่นระรัว อยากโอนเงินเรียนกับเขาเสียแล้ว ลองคิดให้ช้า ๆ หน่อย อย่าให้เขาเร่งปิดการขาย จนสุดท้ายมานั่งงง ๆ ...นี่ฉันเรียนทำไม?
เรียนสิ่งที่ต้องใช้จริง ๆ เรียนสิ่งที่อยากรู้จริง ๆ จ่ายเงินแล้วต้องเรียนจริง ๆ ไม่ใช่ซื้อมาดอง เรียนแล้วต้องลงมือทำจริง ๆ ไม่ใช่เอาแต่เรียน ถ้าเจอใครสอนแล้วดีจริง ต้องช่วยกันบอกต่อ ถ้าเจอใครสอนแล้วแย่มาก ต้องช่วยกันดันออก
สำคัญที่สุด อย่าทุ่มสุดตัว ขายบ้านขายรถเอาเงินมาเรียน เพราะมันผิดตั้งแต่วิธีคิดแล้ว
ย้ำอีกทีว่าสัมมนา (หรือการเรียนออนไลน์) เป็นเรื่องดี ใครถึงพร้อม ก็เรียนเถิด เลือกเรียนกับคนสอนที่เราคิดว่าใช่ ใครยังไม่พร้อม โลกยุคนี้มีของฟรีชนิดที่เรียนทั้งชีวิตก็ไม่หมด ไม่ต้องไปเบียดเบียนยืมเงินตัวเอง
ก็ประมาณนี้แหละครับ เขียนเสียยืดยาว แต่ทั้งหมดนี้ด้วยความปรารถนาดีครับ.
ขอบคุณนะคะพี่บอยสำหรับบมความดีดีทุกๆวัน ❤️