1.
ยุคนี้เสน่ห์ของ "ความรักในงานที่ทำ" หายไปไหน? หลายคนเร่งอยากรวยเร็ว รวยเยอะ รวยง่าย หลายคนอยากหยุดทำงานตั้งแต่ยังหนุ่มสาว จะได้ไปทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ จนบางครั้งผมก็สงสัยว่า "ทำงาน" แปลว่า "ความทุกข์" ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
ท่านพุทธทาสกล่าวไว้นานแล้ว "ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน" แต่ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ใน พ.ศ.นี้ ท่านอาจแปลกใจที่คนยุคนี้บอกว่า "ทุกข์แท้ๆ ที่ยังต้องทำงาน"
ผมว่าคนยุคนี้อาจจะฉลาดมากขึ้น (มั้ง) ที่คิดไปถึงจุดหมายปลายทางชีวิต พวกเขาไม่อยากทำงานจนแก่เหมือนคนรุ่นก่อน ที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ทำงานไปเรื่อย ๆ
แต่ข้อเสียของการคิดแบบนี้ก็คือ ดูเหมือนคนยุคนี้จะฝากความสุขไว้ที่อนาคต ถ้าหยุดทำงานได้ แล้วฉันคงจะมีความสุขมาก ปัจจุบันของพวกเขาก็เลยไม่เคยมีความสุขซักที ความสุขกลายเป็นกระดูกผูกเบ็ดไว้ที่คอ ยื่นออกไปเพื่อล่อ ยิ่งวิ่งตาม ก็ยิ่งห่างออกไป
ไม่ผิดหรอกครับที่จะวิ่งไล่ล่าความฝัน ไม่ผิดหรอกครับที่จะอยากหยุดทำงาน อยากมีอิสรภาพในชีวิต แต่บางครั้ง เราน่าจะหาจุดพอดี มีความสุขในงานที่ทำ ทำให้งานที่มีความสุขนั้นสร้างผลตอบแทนให้เรา
ผมว่าเราทำได้นะครับ ทั้งมีอิสรภาพในชีวิต และมีความสุขในงานที่ทำ
2.
ตอนเขียนหนังสือ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า" มีอยู่บทหนึ่งซึ่งผมไม่ได้นำมาตีพิมพ์ เนื่องด้วยจำนวนหน้าไม่ลงตัว ...ผมเขียนไว้อย่างนี้ครับ
ระหว่าง "ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วมีเงินไหลเข้ามาจนใช้ไม่ทัน" กับ "ทำสิ่งที่ชอบ แล้วมีเงินไหลเข้ามาให้พอใช้" เชื่อเถอะว่า อย่างหลังทำให้ชีวิตมีคุณค่ากว่าเยอะ เพราะชีวิตไม่ใช่การตะเกียกตะกายขวนขวายหา passive income แต่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมี active income ที่มีความหมายกับชีวิตด้วย (จะเรียกว่า passion income ก็พอได้)
มีบางอย่างที่เรารัก แต่อาจไม่เก่ง เช่น ชอบแต่งเพลง แต่แต่งไม่เก่งเลย มีบางอย่างที่เราเก่ง แต่อาจไม่ได้รัก เช่น ทำบัญชีเก่งมาก แต่เบื่องานนี้ และมันก็มีบางอย่างที่เรารักแล้วก็เก่งด้วย แต่กลับไม่มีประโยชน์กับผู้อื่นเท่าไหร่ เช่น ชอบเล่นเป่ากบ เป่าเก่งมาก แต่มันเป็นอาชีพไม่ได้
ประเด็นก็คือ...เราต้องหาให้เจอว่า อะไรคือสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราเก่ง และเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วย แล้วความสำเร็จจะหนีเราไปไม่ได้เลย
บางคนถามต่อว่า แล้วมันต้องใช้เวลาค้นหานานแค่ไหนกว่าจะเจอสิ่งที่เรารัก เก่ง และเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ผมก็คงต้องตอบว่า ถึงจะใช้เวลาแค่ไหนเพื่อค้นหาให้เจอ มันก็ยังคุ้มค่า ไม่อย่างนั้นชีิวิตจะมีความหมายอะไร? เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเรียน ทำงาน หาเงิน แล้วตายจากโลกนี้ไป
แต่เราเกิดมาเพื่อมีประโยชน์กับผู้อื่น...ผมเชื่ออย่างนั้น
3.
สมัยนี้หันไปทางไหน ก็เห็นแต่คนบอกว่าฉันทำอะไรก็ได้ ขอให้รวย ยิ่งรวยเร็วยิ่งดี จะมาพูดเรื่องอุดมกง อุดมการณ์อะไรกัน...เชยมาก "ทำงานที่รัก รักงานที่ทำ" ดูจะเป็นคำล้าสมัยไปแล้ว ทุกคนอยากรวย เพื่อจะได้หยุดทำงาน แล้วไปทำสิ่งที่รัก
แต่คำถามก็คือ "ความรัก" กับ "งาน" มันหย่าขาดกันตั้งแต่ตอนไหน? เพราะถ้าทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว วันนึงเราจะพบว่าหัวใจช่างว่างเปล่า โหวงเหวงสิ้นดี ...แต่ช้าก่อน! ตรงกันข้าม ถ้าเราทำงานเพื่ออุดมการณ์อย่างเดียว วันนึงเราจะพบว่ากระเป๋าตังค์ช่างว่างเปล่า โหวงเหวงสิ้นดี
ในความคิดผม งานที่ดีจึงควรประกอบไปด้วยสองสิ่งนี้ นั่นคือมีอุดมการณ์ในการทำงาน รู้ว่างานนี้ทำไปเพื่ออะไร? เพื่อใคร? ทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้นอย่างไร? ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีเงินให้กินใช้อย่างไม่ขัดสน ไม่อย่างนั้นเราจะช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร ถ้าท้องเรายังร้อง ถ้าลูกเรายังลำบาก
งานที่ดีจึงไม่ใช่แค่ทำให้กระเป๋าพองโต แต่ต้องทำให้หัวใจพองโตด้วย งานที่ดีจึงต้องมีรายได้มาเลี้ยงกาย และมีความงดงามมาเลี้ยงจิตใจ
หางานที่ทำให้คุณอยากเด้งออกจากที่นอนทุกๆ เช้า ไม่ใช่เด้งตกใจจากนาฬิกาปลุก แต่เด้งเพราะอยากออกไปทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จ
เพราะถ้ามัวทนทำงานที่ไม่รัก ...ผมว่าเราก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งชีวิต
4.
คนเราไม่ได้ต้องการอยู่เฉย ๆ แล้วมีรายได้ไหลมาเทมา เพราะอยู่เฉย ๆ มันไร้ค่า และน่าเบื่อ แต่เราต้องการทำงานที่รัก แล้วมีรายได้ไหลมาเทมา เพราะงานที่ทำมันมีค่า และน่าสนุก
เราไม่ได้ต้องการเพียง passive income แต่ต้องการ passion income
เปล่า...ผมไม่ได้หมาย passive income ไม่ดีนะครับ ดี ดีมาก และผมก็ชอบมาก เพียงแต่มันต้องไม่ใช่มีเพื่อแค่ "จะได้ไม่ต้องทำอะไร" แต่ passive income มีไว้ในวันที่ไม่มีแรงหาเงินแล้ว เรายังมีรายได้ส่วนนี้มารองรับ ซึ่งสุดท้าย ถ้าชีวิตจะไม่มี passive income จริง ๆ ก็อย่าไปซีเรียสมาก มันคือปลายทางที่เราหวังว่าจะช่วยเราได้เท่านั้นเอง แต่ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก สำคัญคือปัจจุบันเรากำลังทำสิ่งที่ให้พลังกับหัวใจอยู่หรือเปล่า? หรืออดทนขมขื่นเพื่อไปชื่นมื่นในอนาคต?
ใครที่สนุกกับการสร้าง passive income ก็โชคดีไป แต่ใครที่ไม่สนุก ก็อย่าไปฝืนเลย ที่ทำอยู่ก็ทำไปเถอะ
รู้จักเก็บตังค์บ้างก็พอ รู้จักลงทุนด้วยยิ่งดี
ปัจจุบันคือสิ่งเดียวที่เรามี ทำ passion income ให้ดีที่สุด และถ้าทำได้ดี หาวิธีเป็น ...ไม่นาน passive income จะตามมาเอง หรือต่อให้ไม่ตามมา เราก็จะมี massive income นั่นคือรายได้มหาศาลต่องานหนึ่งชิ้น เพราะเก่งและเจ๋งพอ ถ้าเก่งในสิ่งที่ทำ เก็บเงินดี ๆ ลงทุนบ้าง ทำประกันชีวิตไว้ให้ครอบคลุมยามเจ็บป่วย อย่าขยันสร้างหนี้ ใช้เงินไม่เกินตัว ไม่ขยับรายจ่ายไปตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น เท่านี้ก็น่าจะพอมีเงินไว้ใช้ในยามชรา
อย่าอยากอยู่เฉย ๆ แล้วมีเงินใช้เลยครับ มันไม่สนุกหรอก สู้ได้ทำงานที่รัก แล้วมีตังค์ใช้ จะ active หรือ passive ก็ช่างมัน
ได้ทำงานที่รัก เลี้ยงดูตัวเองได้ มีประโยชน์กับผู้อื่นด้วย...แบบนี้สิ ไม่เสียดายที่เกิดมา
หมายเหตุ : เรียบเรียงจากบางส่วนของหนังสือ "อิสระเรา ราคาเท่าไหร่" สั่งซื้อได้ ที่นี่
Comments