1.
ถ้ารอบตัวเรามีแต่คนบ่น บ่นอย่างเดียวเลย ไม่เคยคิดจะหาทางแก้ ...นั่นเป็นไปได้ว่าเรากำลังอยู่ผิดที่
ถ้ารอบตัวเรามีแต่คนชอบนินทา เอาแต่พูดว่าคนอื่นแย่อย่างนั้นอย่างนี้ แต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องความแย่ของตัวเองบ้างเลย ...นั่นเป็นไปได้ว่าเรากำลังอยู่ผิดที่
ถ้ารอบตัวเรามีแต่คนชอบเสพข่าวร้าย รู้ทุกเรื่องร้าย เหมือนเป็น บก. ข่าวอาชญากรรม ...นั่นเป็นไปได้ว่าเรากำลังอยู่ผิดที่
ถ้ารอบตัวเรามีแต่คนชอบพูดถึงอดีตว่าเคยทำอะไรมา แทบไม่มีสักครั้งที่จะพูดถึงเรื่องอนาคตว่าอยากทำอะไรต่อ ...นั่นเป็นไปได้ว่าเรากำลังอยู่ผิดที่
ใครกำลังมีชีวิตอย่างที่เขียนเอาไว้ข้างบน ต้องเปลี่ยนที่อยู่โดยด่วน ต้องพยายามตีตัวห่าง เพราะคนเราเป็นลูกหลานของสิ่งแวดล้อม หากยังไม่ย้ายถิ่นที่อยู่ ....ไม่นานเราจะติดนิสัยเหล่านี้ไปด้วย
และกลายเป็นคนที่เราไม่ชอบเสียเอง
2.
อย่าได้พยายามเปลี่ยนแปลงพวกเขาเหล่านั้น เพราะไม่มีทางทำได้ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง
ถ้าเป็นคนที่ต้องเจอทุกวัน หลีกไม่ได้จริง ๆ แบบนี้หากเขาชวนคุยเรื่องลบ ๆ ร้าย ๆ เมื่อไร ก็ให้เออออห่อหมกไปอย่างนั้น ได้ยิน...แต่ไม่ต้องฟัง แล้วเขาจะเริ่มไม่อยากคุยกับเราเอง เพราะเขาไม่สนุก เพราะเราไม่เม้าท์มอยกับเขา เขาก็เลยรู้สึกไม่สะใจ
แต่ถ้าเป็นคนในครอบครัว ให้เปลี่ยนที่ตัวเราเอง ใช้ตัวเราเป็นตัวอย่าง เราไม่บ่น ไม่นินทา ไม่เสพข่าวร้าย ไม่พูดฟื้นฝอยถึงแต่อดีต ชีวิตเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาเริ่มสงสัย อยากดีขึ้นบ้าง เขาจะถามเราว่าทำอย่างไร
หรือแม้หากเขาไม่สงสัย ไม่ถาม ไม่เปลี่ยนแปลง ให้คุยเรื่องที่เขาอยากคุยพอเป็นพิธี แล้วชวนคุยเรื่องอื่นแทน (เราต้องเป็นคนคุมเกมสนทนา) หรือหลบฉากไปทำอย่างอื่น (ไปดื่มน้ำ ไปเข้าห้องน้ำ เพื่อตัดตอนบทสนทนา)
เข้าใจครับว่าไม่ง่าย...แต่อย่างน้อยก็พอช่วยลดการติดเชื้อได้บ้าง
3.
คนอีกประเภทที่น่ากลัวไม่แพ้คนขี้บ่น (หรือน่ากลัวกว่า) นั่นคือคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เราต้องพึงระวังไม่อยู่ใกล้คนที่ไร้ความสุข เพราะไม่เพียงแต่คนประเภทนี้จะไม่มีความสุขในตัวเองเท่านั้น แต่เขายังไม่ยอมให้ใครคนไหนมีความสุขด้วย
คุณค่าของตัวตนเขาอาจแตกสลาย จึงรู้สึกไร้ค่า ไม่คู่ควรกับความสุขใด ๆ เมื่อความสุขมา เขาจะปฏิเสธ
ปัดทิ้งจนตกแตก เขียมทุกอย่าง ใช้ของเก่ามาก มีเงินก็ไม่ยอมใช้ ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เจ็บป่วยก็ไม่ยอมไปหาหมอ
ความเชื่อของคนแบบนี้ก็คือ ชีวิตนี้คือความทุกข์ จึงต้องทนทรมานไปจนวันสุดท้าย ฟังดูย้อนแย้งที่จะบอกว่าลึก ๆ คนประเภทนี้ "มีความสุขที่มีความทุกข์" ดังนั้นเมื่อเห็นใครมีความสุข เขาจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ชีวิตต้องมีความทุกข์สิ
ว่าแล้วเขาก็จะแผ่รัศมีความทุกข์ไปทั่วถึงทุกคนใกล้ตัว
4.
ฟังดูสิ้นหวังที่ต้องบอกว่าไม่มีใครช่วยเขาได้ ถ้าเขาไม่เปิดใจ บุญจะไม่ถึง กรรมจะบังตา ยื่นตำราให้ เขาจะปัดทิ้ง ยื่นความห่วงใยให้ เขาจะหงุดหงิด
จึงพึงระวังไม่อยู่ใกล้คนที่ไร้สุข เพราะเราจะติดเชื้อร้ายนี้ไปด้วย ถ้าหลีกหนีไม่ได้ ให้ใช้เวลาร่วมกันให้น้อยที่สุด ถ้ายังต้องใช้เวลาร่วมกันอยู่ ให้ฟังหูขวาออกหูซ้าย อย่าเก็บไปคิด อย่าเอาจิตไปจับ เพราะจะเป็นคนทุกข์เสียเอง
ส่วนตัวเราเองก็หมั่นทำบุญทำทาน นั่งสมาธิ แผ่เมตตา แม้นหากบุญนี้ช่วยเขาไม่ได้
...อย่างน้อยบุญนี้ก็ยังช่วยตัวเราได้ครับ.
Yorumlar