1.
อย่างน้อยโลกนี้ก็ยุติธรรมอย่างหนึ่ง นั่นคือ...ไม่ว่าจะยาก-ดี-มี-จน ทุกคนบนโลกล้วนมีเวลาเท่ากัน ไม่มากไม่น้อยไปกว่าวันละ 24 ชั่วโมง หรือ 1,440 นาที หรือ 86,400 วินาที ...ภายใต้ดวงอาทิตย์เราเท่าเทียมกัน
...แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้จักชายผู้มีเวลามากกว่าวันละ 24 ชั่วโมง! มันทำลายความเชื่อของผมที่เคยคิดว่าวันหนึ่งมี 24 ชั่วโมงไปในพริบตา และทุกวันนี้ผมก็มีเวลาวันละมากกว่า 24 ชั่วโมง! ...คุณอยากมีบ้างมั้ย?
มีเวลามั้ยครับ? ผมจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง
เริ่มอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมอยากถามคุณว่าตอนนี้คุณ "จัดการเวลา" หรือ "ถูกเวลาจัดการ" อยู่? โลกทุกวันนี้ ทั้งที่เวลาก็เท่าเดิม แต่เรากลับรู้สึกว่า "มีเวลาไม่พอ" มีนู่นนั่นนี่ให้ทำเต็มไปหมด ผมก็เคยเป็น และคิดว่าคุณก็คงเป็น บางครั้งชีวิตก็เลยงง ๆ ว่าตกลงเราพลาดอะไรในแต่ละวันไปบ้างหรือเปล่า?
โทนี่ ร็อบบินส์ กูรูระดับโลกด้านพัฒนาตัวเอง พูดได้เฉียบขาดเกี่ยวกับเรื่องการบริหารเวลา เขาบอกว่า "การจัดการเวลาก็คือการจัดการชีวิต เพราะชีวิตก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเวลาที่เราใช้ไปในทุกวันนั่นเอง"
...ฟังแล้วผมรู้สึกเหมือนค้นพบสุดยอด "เคล็ดวิชาไหมฟ้า" จากเขาเหลียงซาน
2.
ปัญหาของผม (และคนส่วนใหญ่) ก็คือ เรามีเรื่องที่ต้องทำในแต่ละวันเยอะมาก ๆ ...ทำงาน เรียนภาษาเพิ่มเติม พัฒนาตัวเอง ทำงานเสริม พักผ่อน ดูหนังกับแฟน เล่นกับลูก พาพ่อแม่ไปกินข้าวนอกบ้าน ท่องเที่ยว ว่ายน้ำ นั่งสมาธิ เล่นโยคะ ดำน้ำ ดูปะการัง ฯลฯ ...เวลา 24 ชั่วโมงมันชักจะน้อยไปแล้ว!
นั่นล่ะครับ ผมเริ่มคิดว่าตัวเองกำลัง "ถูกเวลาจัดการ" เพราะฉะนั้นเห็นทีจะต้อง "จัดการกับเวลา" สักที และตลกร้ายสุด ๆ เท่าที่คนไม่มีเวลาอย่างผมต้องเจอก็คือ ผมซื้อหนังสือบริหารเวลามาอ่าน ทายสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น?
ใช่ครับ! ผมไม่มีเวลาอ่านหนังสือบริหารเวลา! (อ่านตอนนี้แล้วขำ แต่ตอนนั้นขำไม่ออก)
ผมยังคงไม่มีเวลาต่อไป ...จนกระทั่งผมพบกับ "ชายผู้มีเวลามากกว่าวันละ 24 ชั่วโมง"!
3.
ชายผู้นั้นไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเขาชื่ออะไร แต่ผมเรียกว่าเขาคือ "เหล่าผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต" ทั้งหน้าที่ การงาน การเงิน ครอบครัว และสุขภาพกายใจ ผมสงสัยว่าในหนึ่งวันเท่ากัน ทำไมเขาเหล่านี้จึงทำอะไรสำเร็จลุล่วงได้หลายอย่างเหลือเกิน? เขาทำได้อย่างไร? ผมสงสัย เฝ้ามอง สอบถาม และพูดคุยกับเขาเหล่านั้น
...ในที่สุดผมก็เจอคำตอบว่าทำไมพวกเขาจึงมีเวลามากกว่าคนอื่น และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คุณจะได้รู้คำตอบนั้นเดี๋ยวนี้ครับ
ข้อแรก
เขาเหล่านี้วางแผนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พอตื่นมาก็รู้เลยว่าวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง พอออกตัวได้ไว เขาก็เลยทำงานได้สำเร็จลุล่วง มีเวลาส่วนตัวเหลือ ๆ เวลาอยู่ที่ทำงานก็เลยไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่บ้าน เวลาอยู่ที่บ้านก็เลยไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ทำงาน
ข้อสอง
เขาเหล่านี้ไม่เคยปล่อยผ่านเวลา 5 หรือ 10 นาที เศษเวลาเหล่านี้ (เช่น ตอนรอนัดหมาย ตอนเข้าแถวซื้อของ) เขาเอาไปโทรศัพท์เรื่องงาน เขาฝึกสมาธิด้วยการหายใจ เขาหยิบหนังสือมาอ่าน พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาทำตัวเหมือนสโลแกนช่อง 3 “คุ้มค่าทุกนาที" เพราะเห็น "ค่าเวลา" เขาจึงไม่เคย "ฆ่าเวลา"
ข้อสาม
เขาเหล่านี้แบ่งเวลาละเอียดมาก ภาพในหัวของคนส่วนใหญ่แบ่งเวลาเป็นวัน เช่น วันนี้ฉันจะทำอะไรดี? ตอนบ่ายฉันจะทำอะไรดี? แต่คนเหล่านี้ขาแบ่งเวลาเป็นนาที เช่น 30 นาทีนี้ทำอะไร? 30 นาทีต่อไปทำอะไร? (ซึ่งวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) ดังนั้นในหนึ่งวัน เขาจึงทำอะไรได้เยอะมาก
ข้อสี่
เขาเหล่านี้ประหยัดเวลา ด้วยการจ้างคนอื่นให้ทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์กับชีวิต เช่น จ้างคนล้างรถ แล้วเอาเวลานั้นไปทานข้าวกับครอบครัว ไปอ่านหนังสือ หรืออีกตัวอย่าง เขาจ้างคนอื่นทำงานที่เขาไม่ถนัด จะได้ไม่ต้องมานั่งฝึกให้เสียเวลา แล้วเอาเวลาที่เหลือไปเพิ่มเติมจุดแข็งให้แกร่งขึ้นอีก เมื่อถึงเวลาทำงาน งานจึงเสร็จเร็วและดี...มีเวลาเหลือ
ข้อห้า
ในหลายครั้ง เขาเหล่านี้ทำกิจกรรมสองอย่างพร้อม ๆ กัน เช่น ออกกำลังกายไปด้วย ดูหนังที่อยากดูไปด้วย พกหนังสือไปอ่านเวลาตัดผม หรือแม้กระทั่งเวลารถติด (ซึ่งส่วนใหญ่คนในเมืองเสียเวลาเดินทางวันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง) เขาก็ฟัง podcast ที่ให้ความรู้ ...เวลาที่เคยเสียไปในการเดินทาง จึงเปลี่ยนใหม่กลายเป็นเวลาแห่งเรียนรู้
4.
ทั้งห้าข้อนี้ทำให้เขาเหล่านี้ใช้เวลาได้คุ้มค่า เต็มประสิทธิภาพ และยิ่งเอากิจกรรมมาซ้อน ๆ กัน แทนที่จะเอามาต่อกันเป็นเส้นตรงแบบคนทั่วไป เขาก็เลยทำอะไรได้หลายอย่างในหนึ่งวัน และกลายเป็น "ชายผู้มีเวลามากกว่าวันละ 24 ชั่วโมง"
ผมลองทำตามแล้ว เวิร์คมากครับ ทุกวันนี้ผมจึงมีเวลามากกว่า 24 ชั่วโมงตามไปด้วย ผมวางแผนงานของวันพรุ่งนี้ ผมพกหนังสือไปอ่านทุกที่ ผมแบ่งสล็อตเวลาทำงานและเรื่องส่วนตัว ผมจ้างคนอื่นทำงานที่ผมไม่ถนัด และผมฟัง podcast ทุกวัน
อยากชวนให้ทุกคนมามีเวลามากกว่าวันละ 24 ชั่วโมงด้วยกันครับ แล้วชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปมากมาย เพราะถ้าเรา "จัดการเวลา" ได้ ก็เท่ากับเรา "จัดการชีวิต" ได้ ...จัดการเวลาได้ดี ชีวิตก็ดีตาม ขอบคุณที่มีเวลาอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ.
หมายเหตุ : เรียบเรียงจากบางส่วนของหนังสือ "มองไกลบนไหล่ยักษ์" สั่งซื้อได้ ที่นี่
