1.
จะแปลกมั้ย? ถ้าคนอย่างผมที่เชื่อในการพัฒนาตัวเอง เชื่อในการควบคุมชะตาชีวิตด้วยตัวเราเอง จะบอกว่าเรื่อง "บุญ" เรื่อง "กรรม" นั้นมีอยู่จริง คำว่า "ศีลต้องเสมอ" จึงจะได้พบกันนั้นเป็นเรื่องจริง และคำว่า "บุญถึง" นั้นไม่ใช่เรื่องที่กล่อมให้คนเชื่อในบาปบุญ แต่มีอยู่จริง
เคยได้ยินคำว่า "บุญมี แต่กรรมบัง" มั้ยครับ? คำนี้ล่ะที่อธิบายได้ดีมาก ๆ สำหรับคนที่ยังไม่ถึงเวลาของเขานั้น ต่อให้เราเคี่ยวเข็ญเท่าไหร่ เขาก็จะไม่มีวันสนใจในความหวังดีของเรา เพราะเขาถูก "กรรมบัง"
เคยมีคนมาปรึกษาผมในหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวเขามีปัญหา ลูกชายฉันกำลังเจอมรสุมชีวิต และอีกมากมายล้านเจ็ดสิบเอ็ด ทุกคนบ่นเหมือนกันว่า "ฉันพยายามช่วยทุกอย่างแล้ว เขาก็ยังไม่ดีขึ้น จะทำอย่างไรดี?"
ผมเองได้แต่ตอบแบบให้กำลังใจไป ทั้งที่หลายครั้งอยากจะบอกเหลือเกินว่า
"เพราะบุญของเขาเหล่านั้นยังไม่ถึง เขาจึงยังไม่พ้นภัยตัวเอง"
2.
ถ้าบุญไม่ถึง ต่อให้ยื่นความช่วยเหลือไปอย่างไรก็ไม่ได้ผล เอาหนังสือดี ๆ ไปวาง เขาก็จะไม่อ่าน ออกเงินให้ไปเข้าสัมมนา เขาก็ฟังไปหลับไป ชวนไปวัดไปวา เขาก็ไปให้เรา จะได้จบ ๆ ไป หรือกำลังจะได้ยินประโยคเปลี่ยนชีวิตจากในทีวี ก็มีอันที่เขาจะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำเสียอย่างนั้น ...เรียกว่าแคล้วคลาดกับทางออกของชีวิตอยู่ร่ำไป
ทำไมผมจึงพูดแบบนั้น? ก็เพราะเรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นกับชีวิตผมมาก่อน ผมรู้เลยว่าตอนช่วงหลุมดำของชีวิตนั้น "บุญ" ผมไม่ถึง จึงต้องเผชิญกรรม ไขว่คว้าหาทางออกเท่าไรก็ไม่เจอ หรือต่อให้มีทางออก ...ผมก็มองไม่เห็น
เรื่องที่น่าแปลกก็คือ จู่ ๆ วันหนึ่งทางรอดก็มาพร้อม ๆ กันหมด ผมเจอหนังสือดี ๆ เจอคนดี ๆ เจอโอกาสดี ๆ สุดท้ายก็หลุดวงโคจรเลวร้ายนั้นมาได้ แล้หลังจากนั้น ชีวิตก็ไม่เคยเจอปัญหาหนัก ๆ แบบนั้นอีก หรือพอเหมือนจะมีปัญหา อยู่ดี ๆ ผมก็จะเจอทางออกมาบอกใบ้ให้ จึงผ่านมาได้อย่างไม่ยากลำบาก
ทั้งหมดนี้ผมคิดว่าเป็นเพราะผมนั้น "บุญถึง" แล้วนั่นเอง
3.
คำถามก็คือ แล้วทำอย่างไรให้ "บุญถึง"? คำตอบที่ผมจะตอบ อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องตามหลักศาสนา แต่คิดว่าน่าจะเข้าถึงคนทั่วไปได้ไม่ยาก ส่วนจะได้ผลหรือไม่ ลองนำไปปรับใช้ตามจริตก็แล้วกันครับ
ในความคิดผม แท้จริงแล้วคำว่า "บุญ" นั้น ผมตีความว่ามันคือ "พลังงาน" นั่นเอง และเน้นให้ชัดกว่านั้นก็คือ "บุญคือพลังงานด้านบวก" เพราะฉะนั้นถ้าเราทำให้จิตใจอยู่ใน "พลังบวก" เท่าไร บุญที่ว่าก็จะค่อย ๆ สะสมจน "บุญถึง"
แล้วเราทำอะไรได้บ้าง? แน่นอน ถ้าเป็นทางศาสนา ก็คงบอกให้ทำบุญทำทาน เข้าวัดเข้าวา ซึ่งนับเป็นเรื่องดีครับ แต่ผมคิดว่าเราสามารถทำเพิ่มเติมจากนั้นได้อีก ไม่ว่าจะเป็น อยู่เงียบ ๆ คนเดียว ทบทวน นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมการกุศล ไม่หมกมุ่นกับปัญหา ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น คบคนดี ๆ หาความรู้ใหม่ ๆ ใส่สมอง มีทรัพย์พึงให้ทาน มีความรู้พึงให้วิทยาทาน มีแรงกำลังพึงช่วยสังคม หรือหากไม่มีแรง แค่รอยยิ้มให้พนักงานบริการก็ยอดเยี่ยมแล้ว
นี่คือบางตัวอย่างที่ทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้า "บุญไม่ถึง" เขาคนนั้นก็จะไม่ยอมทำสิ่งเหล่านี้อยู่ดี เขายังคงมีความสุขที่จะมีความทุกข์ต่อไป
แบบนั้นคงต้องเอาที่สบายใจแล้วล่ะครับ
4.
ถ้าเราศีลเสมอกัน จนคุณบังเอิญผ่านมาอ่านสิ่งที่ผมเขียน และกำลังสงสัยว่า ชีวิตจะไปต่ออย่างไรดี? หาทางไปไม่เจอ ผมอยากแนะนำให้ "สร้างบุญ" ครับ
สร้างบุญในความหมายที่ผมกล่าวไปแล้ว นั่นคือ "สร้างพลังงานบวก" ถ้าเอาแบบเบสิคก็ไปทำบุญ ทำทาน ฟังธรรม กอดพ่อ อ้อนแม่ หรือถ้าชอบขยับตัว ก็ออกกำลัง กินอาหารดี นอนหลับให้เพียงพอ ช่วยกิจกรรมสังคม หรือถ้าชอบนิ่ง ๆ ก็อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ อยู่คนเดียวบ้าง ปิดทีวี ปิดมือถือ ทบทวนตัวเอง
ทั้งหมดเพื่อจุดหมายคือ "สร้างบุญ" ให้ตัวเอง เมื่อวันที่ "พลังงาน" ถึง ปัญหาจะค่อย ๆ คลี่คลายไปเอง แล้ววันนั้นคุณจะเข้าใจที่ผมพยายามสื่อว่า "เมื่อยังไม่ถึงเวลา ก็จงอดทน สร้างบุญต่อไป เมื่อถึงเวลา เมื่อบุญถึงพร้อม
ชีวิตจะสว่างกระจ่างสดใสแบบที่เรานึกไม่ถึง"
บุญมีอยู่จริง และไม่ต้องรอใช้ชาติหน้า สะสมครบ แลกรับรางวัลชีวิตในชาตินี้ได้เลย.
Comments