1.
มีอยู่วันหนึ่ง ผมเจอรุ่นน้องที่ไม่ได้พบกันมานาน ผมจึงถามไปว่า "ชีวิตเป็นไงบ้าง? ไม่ได้อัพเดทกันเลย" รุ่นน้องตอบมาว่า "เหมือนเดิมเลยพี่" ได้ยินแบบนั้น ผมก็เลยตอบกลับไปว่า "เหมือนเดิมเหรอ...งั้นก็แปลว่าแย่ลงน่ะสิ"
เหมือนรุ่นน้องจะอึ้งไปสักพัก "ทำไมล่ะพี่ เหมือนเดิมแล้วทำไมแปลว่าแย่ลง?"
ผมเลยตอบขยายความไปว่า "ก็เหมือนเดิมมันแปลว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้พัฒนาเลย คนอื่นไปไหนกันแล้ว แต่เรายังอยู่ที่เดิม ยุคนี้อยู่กับที่ แปลว่าถอยหลัง เหมือนเดิม ก็เลยแปลว่าแย่ลง"
ท่าทางเหมือนจะเห็นด้วย รุ่นน้องก็เลยตอบว่า "จริงว่ะพี่ จริง ๆ มันก็แย่นั่นแหละ แต่ผมแค่บอกว่าเหมือนเดิม"
...วันนั้นเราจบบทสนทนากันไว้แค่นี้ เพราะต่างคนต่างมีธุระต้องไปทำต่อ ผมได้แต่ทิ้งท้ายด้วยความหวังดีกับรุ่นน้องไว้ว่า ให้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นชีวิตจะวนเวียนอยู่อย่างเดิม
ชีวิตที่เหมือนเมื่อปีที่แล้ว ฟังดูปกติดี ...หรือมันอาจแย่ลง เพียงแต่เราไม่รู้ตัว?
2.
มีคนเคยถามผมเรื่องนี้เหมือนกันว่ามันจะไปแย่ลงได้อย่างไร? เหมือนเดิมก็โอเคแล้ว ...ชีวิตจะเอาอะไรมาก
เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ไม่มีผิดถูกครับ เพียงแต่ผมใช้ "กฏธรรมชาติ" มามองแล้วรู้สึกแบบนี้เท่านั้นเองว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย ที่เราเห็นว่าเหมือนเดิม จริง ๆ แล้วมันกำลังเสื่อมลงในทุกขณะ
ต้นไม้ที่เห็นว่านิ่ง อันที่จริงมันกำลังเติบโตไปสู่ความเหี่ยวเฉาในที่สุด แก้วกาแฟวางนิ่ง ๆ แท้จริงกำลังเสื่อมและเก่าลงอย่างช้า ๆ เพียงแต่ตาเรามองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
หรือยกตัวอย่างให้ชัดกว่านี้ การได้เงินเดือนเหมือนเดิมเท่ากับเมื่อปีที่แล้ว คิดว่าเหมือนเดิม หรือแย่ลง? ...ก็น่าจะแย่ลง เพราะของแพงขึ้นทุกปี
คำถามที่น่าสนใจก็คือ ในเมื่อเราอยู่ใต้กฏธรรมชาติแบบนี้เช่นกัน ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเองไปข้างหน้า แล้วจะเอาอะไรมาชดเชยความเสื่อม?
เหมือนเดิมจึงไม่มีอยู่จริง มีแต่แย่ลง หรือไม่ก็ดีขึ้น ...มีแต่กำลังโต หรือไม่ก็กำลังตาย
3.
ลองสำรวจตัวเองสิครับ "เราในวันนี้" กับ "เราเมื่อสัก 5 ปีที่แล้ว" เหมือนเดิมหรือเปล่า? ...ถ้าเหมือนเดิม นั่นแปลว่าแย่ลง เพียงแต่เราไม่อยากฟังคำว่าแย่ลง เราก็เลยบอกว่าเหมือนเดิม
มนุษย์ต้องเติบโต ต้องหาสิ่งใหม่ให้ชีวิต ไม่ใช่เพียงย่ำอยู่กับที่ ยิ่งโลกยุคนี้ เรายืนอยู่บนบันไดเลื่อนที่กำลังเลื่อนลง ยืนอยู่กับที่ จึงเท่ากับถอยหลัง
เก่งไม่มาก แต่ก้าวสม่ำเสมอ ย่อมไปได้ไกลกว่าคนที่รอก้าวใหญ่ แต่ไม่ยอมก้าวเสียที เพราะชีวิตไม่ใช่การวิ่งร้อยเมตร แต่คือการวิ่งมาราธอน ผู้ใดก้าวสม่ำเสมอกว่า ...ย่อมชนะในที่สุด
ครั้งนึง "จิม โรห์น" (Jim Rohn) ปรมาจารย์ด้านพัฒนาตัวเอง เล่าให้ฟังในคอร์สสัมมนาของเขาว่า สมัยหนุ่ม ๆ อาจารย์ถามเขาว่า "อีก 5 ปีต่อจากนี้ เธออยากมีชีวิตที่ดีขึ้นใช่ไหม?" เขาตอบว่า "ใช่ครับ"
แล้วอาจารย์ก็ปล่อยประโยคเด็ดที่ทำให้เขาจดจำไปไม่รู้ลืม อาจารย์ถามเขาสั้น ๆ ว่า "แล้วตอนนี้เธออ่านหนังสืออะไรบ้างที่จะช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า?"
ผมคิดว่านี่เป็นคำถามเรียบง่าย แต่เปลี่ยนชีวิตได้เลย
4.
ยุคนี้ คำว่า "ไม่มีความรู้" "ทำไม่เป็น" กลายเป็นข้ออ้างของคนไม่ยอมขยับ คนไม่ยอมปรับตัว เพราะเราอยู่ในยุคความรู้ท่วมโลก เข้าถึงก็ง่ายแค่ปลายนิ้ว (และฟรี) ที่สำคัญไม่ได้จำกัดแค่การอ่านหนังสือ มีวิดีโอดี ๆ มากมายให้เราเรียนรู้วิชาต่าง ๆ
วิธีทำอาหาร วิธีชงกาแฟดริฟ ความรู้เกี่ยวกับอวกาศอันไกลโพ้น การตลาดออนไลน์ ทำกระหล่ำปลีทอดน้ำปลาให้อร่อย เลี้ยงลูกให้อารมณ์ดี ฯลฯ พูดมาเถอะ เรื่องอะไรก็ได้ ความรู้เหล่านี้มีให้ศึกษาเพียบ ที่สำคัญฟรี!
ไม่สูงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาป้อนอยู่ตลอด อ้างนู่นนั่นนี่
ชีวิตเรา เราต้องขวนขวาย ทำให้ดี ด้วยสองมือ ทำให้ก้าวหน้า ด้วยสองขา ...จะปีนี้จะปีไหน ชีวิตต้องพัฒนา อย่าให้ซ้ำซากเหมือนเดิม
ก็อย่างที่ผมบอกรุ่นน้องคนนั้นนั่นแหละครับ "เพราะเหมือนเดิม...แปลว่าแย่ลง".
Comments