1.
มันไม่ง่ายที่จะอยู่ในโลกนี้ด้วยพลังบวก เพราะเทรนด์ของโลกมันเอียงไปทางพลังลบ คนส่วนใหญ่ชอบบริโภคข่าวร้าย เพราะเขามีความสุขที่จะมีความทุกข์ หลายคนตื่นมาพร้อมกับเฝ้าค้นหาว่า "วันนี้มีเรื่องอะไรที่ฉันจะเอาไว้วิจารณ์ได้อย่างมันปากบ้างนะ? ไหนล่ะหายนะของคนอื่น?" ทั้งที่จริิงสิ่งที่เราควรทำ หากอยากมีชีวิตที่ดี นั่นก็คือ เลิกเป็น "เจ้ากรมข่าวร้าย" เราต้องเลิกรู้ละเอียดมันทุกเรื่องที่เป็นข่าวไม่ดี ข่าวลบ ๆ ทั้งหลาย
พูดแบบนี้ไม่ใช่ให้เพิกเฉยต่อปัญหาสังคม เพราะเอาเข้าจริง คนบริโภคข่าวส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร นอกจากจับกลุ่มนินทา แต่ผมกำลังหมายถึงการเปลี่ยน "โฟกัส" ให้กับชีวิต หมั่นพาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมดี ๆ เลิกบ่น เลิกนินทา เลิกดูข่าวร้าย คบคนพลังบวก อ่านหนังสือดี ๆ ดูคลิปวิดีโอที่ให้พลังใจ ชีวิตจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ชีวิตเราที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี อาจเป็นแค่หนึ่งจุดเล็ก ๆ ของสังคม แต่จากหนึ่งจุดที่เปลี่ยนไป จะส่งต่อกลายเป็นหลายจุดที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และหลายจุดนั้น เมื่อลากเชื่อมโยงกัน จะต่อกันกลายเป็นบ้านเมืองของเรา
หากคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ให้เริ่มที่ต้นที่ตัวเราเสมอ
2.
หนึ่งในเคล็ดลับที่จะดึงให้ชีวิต "รุ่ง" พุ่งขึ้นแรง ผมคิดว่าคือการ "เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม" ดังนี้
หนึ่ง เพิ่มเพื่อนใหม่ ๆ ที่เราคบ การคบหาสมาคมคนเก่ง ๆ เราจะเก่งตาม เหล็กอยู่ใกล้แม่เหล็กนาน ๆ ต้องได้ความเป็นแม่เหล็กติดตัวมาบ้าง คำถามก็คือแล้วเราจะไปคบเก่ง ๆ แบบนี้ได้ที่ไหน? ตอบว่าในชั้นเรียนพิเศษหลังเลิกงาน ในห้องเรียนหลักสูตรพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ คนเก่ง ๆ มักไปรวมตัวกันที่นั่น
สอง เพิ่มข้อมูลใหม่ ๆ ที่เราเสพ ถ้าเคยอ่านหนังสือเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว ต้องเพิ่มหนังสือเพื่อพัฒนาตัวเองบ้าง ถ้าเคยดูแต่รายการเบาสมอง ต้องเพิ่มรายการเสริมสร้างปัญญาบ้าง ถ้าเคยฟังแต่เพลงตอนขับรถ ลองเปลี่ยนมาฟัง podcast สาระดี ๆ บ้าง
ขอเพียงทำสองสิ่งนี้ให้นานพอ ชีวิตจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี ...แน่นอน ฟังแล้วไม่สนุก ให้เปลี่ยนสิ่งที่เคยชินเนี่ยนะ? ไม่เอาดีกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีคนเพียงส่วนน้อย ควบคุมชีวิตตัวเองสู่ความสำเร็จได้
อันที่จริง หากใครตัดสินใจลงมือเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างแน่วแน่ เขาผู้นั้นจะพบว่าสิ่งที่สนุกกว่าสิ่งบันเทิงเป็นไหน ๆ ก็คือการได้เห็นว่าตัวเองเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ดึงศักยภาพในตัวเองออกมาใช้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
...รับรองว่าบันเทิงสุด ๆ โดยมีของแถมเป็นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3.
เราคือค่าเฉลี่ยของสิ่งแวดล้อมรอบตัว รายได้ ความคิด ทัศนคติ ความฝัน การลงมือทำ ทั้งหมดนี้เราได้อิทธิพลจากสิ่งรอบข้างทั้งนั้น
ซื้อเสื้อผ้ายังเลือกแล้วเลือกอีก ดูหนังสักเรื่องยังเลือกแล้วเลือกอีก คบคนยิ่งต้องเลือกแล้วเลือกอีก เพราะคนที่เราคบกำหนดชีวิตเราได้ยิ่งกว่าหนังและเสื้อผ้า เลือกคบคนที่ส่งเสริมพลังซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ดูดพลัง หรือเอาแต่พลังลบมาให้ เลือกคบคนที่พูดไปข้างหน้า ไม่ใช่พูดแต่เรื่องข้างหลังที่ผ่านไปแล้ว เลือกคบคนที่ชื่นชมคนอื่น ไม่ใช่คนขี้นินทา เลือกคบคนที่ฝันใหญ่ ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เลือกคบคนที่เอาปัญญามาให้ ไม่ใช่เอาแต่ปัญหามาให้ เลือกคบคนที่ให้ ไม่ใช่เอาแต่รับ
ความคิดคือโรคติดต่อ มันไหลรั่วออกจากหัวหนึ่ง สู่อีกหัวหนึ่งได้ พลังคิดลบเป็นเชื้อโรคร้ายแรง แต่สามารถทำให้สูญพันธุ์ได้ ด้วยการอยู่ให้ห่างจากแหล่งกำเนิดเชื้อ ซึ่งก็คือคนที่มีพลังลบนั่นเอง
ซื้อเสื้อผ้าผิด ใส่ไม่สวย ชีวิตไม่เปลี่ยน ดูหนังไม่สนุก เสียเวลานิดหน่อย ชีวิตไม่เปลี่ยน ...แต่ถ้าคบคนผิด ชีวิตเปลี่ยนแน่ เลือกคบคนคิดดี แล้วชีวิตจะดีขึ้นอย่างมหาศาล
คบคนที่ทำให้เรารู้สึกสบาย ๆ ชิลล์ ๆ ก็นับเป็นเรื่องดี เพียงแต่ไม่ค่อยชวนกันก้าวไปไหน ลองเพิ่มคบคนที่ทำให้เรารู้สึกไฟลุกโชน ต้องพยายามก้าวไปข้างหน้าดูบ้าง อาจจะไม่ชิลล์ อาจอึดอัด แต่เขาจะทำให้เราพัฒนา
เพื่อนชิลล์หาง่าย เพื่อนไฟลุกโชนหายาก ...แต่ต้องหา ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงชีิวิตครับ.
