1.
ต่อไปนี้คือ "เคล็ดลับเงินล้าน" ที่ทำได้จริงและใช้ได้กับทุกอาชีพ เคล็ดลับนั้นคือ ให้ถามตัวเราเองว่า "ทักษะอะไรที่เพื่อนร่วมอาชีพของฉันไม่มี?” จากนั้นเมื่อได้คำตอบแล้ว จงฝึกทักษะนั้นเพื่อสร้างความแตกต่าง แล้วความแตกต่างนั้นจะเพิ่มมูลค่าให้เรา
เช่น ถ้าเราทำงานศิลปะ ออกแบบ วาดรูป แล้วสมมติว่าเพื่อนในวงการของเรา เขาไม่ชอบอ่านหนังสือกัน เนื่องจากเป็นคนเรียนรู้ด้วยภาพ ไม่ชอบอ่าน ก็ขอให้เราอ่านหนังสือ อ่านเยอะ ๆ อ่านแนวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่ศิลปะด้วยก็ยิ่งดี เราจะรู้ในสิ่งที่เพื่อนร่วมอาชีพเราเขาไม่รู้
เช่น ถ้าเราเป็นนักเขียน แล้วเพื่อนในวงการของเรา เขาไม่ชอบการขาย เนื่องจากรู้สึกเขินอายที่ต้องขายของ ก็ขอให้เราฝึกขายเยอะ ๆ จะขายของออนไลน์ ทำธุรกิจเครือข่าย ขายประกัน อะไรก็ได้ เราจะกลายเป็นนักเขียนที่เป็นนักขาย แล้วทำให้ผลงานของเราเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น
หรือถ้าเราอยู่ในวงการที่เพื่อน ๆ เราเขาไม่ชอบพูด ก็จงฝึกพูด ถ้าเราอยู่ในวงการที่ไม่ค่อยออกสังคม ก็จงฝึกออกสังคม
หรือถ้าเราอยู่ในวงการที่พูดทั้งวัน ก็จงเรียนรู้ที่จะเงียบ อยู่กับความคิดของตัวเองบ้างก็ดี
2.
เหตุผลทั้งหมดก็เพราะ ถ้าเรามีทักษะเหมือนกับเพื่อนร่วมอาชีพ เราก็จะเป็นแค่คนธรรมดาในสายอาชีพ เป็นหนึ่งในตัวเลือกเท่านั้น แต่ถ้าเรามีทั้งทักษะที่เพื่อนร่วมอาชีพมี (ซึ่งเราควรจะมี ไม่อย่างนั้นจะทำอาชีพนี้ได้อย่างไร) แล้วยังมีทักษะที่เพื่อนร่วมอาชีพไม่มีอีกด้วย ทีนี้ล่ะครับ ผู้คนจะแยกเราออกจากเพื่อนร่วมอาชีพ เพราะเรานั้น "แตกต่าง" จนเขาสัมผัสได้
มันไม่ใช่ความสามารถแบบสุดยอด "ในสายงาน" ที่ทำให้เราไปได้ไกลกว่าคนอื่น แต่คือ "ความสามารถอื่น ๆ" ที่คนในสายงานนั้นไม่มีต่างหาก ที่จะพาเราไปได้ไกลเกินฝัน
มาดูตัวอย่างกันให้ละเอียดขึ้นครับ...
สมมติว่าชายคนหนึ่งมีอาชีพเป็นนักเขียน วันทั้งวันเขาฝึกเขียนเพื่อจะได้มีฝีมือระดับชนะรางวัลให้ได้ ...จริงอยู่ สิ่งนี้พาเราไปได้ไกลกว่านักเขียนที่เขียนไม่เก่ง แต่คนส่วนใหญ่แยก "เก่ง" กับ "เก่งมาก" ไม่ออก เขามองเหมือนกันหมด
แต่ถ้ามีนักเขียนอีกคน ฝีมือการเขียนจัดว่าใช้ได้ แถมยังมีความสามารถที่นักเขียนส่วนใหญ่ไม่มี เช่น ความสามารถด้านการพูด เนื่องจากนักเขียนส่วนใหญ่ทำงานคนเดียว ชอบอยู่ลำพัง จึงพูดไม่เก่ง แต่นักเขียนคนนี้กลับพูดเก่ง พูดแล้วน่าฟัง ทีนี้ล่ะครับ ความสามารถนี้จะทำให้นักเขียนคนนี้ "แตกต่าง" จนผู้คนจดจำ
ขอเพียงเขาเขียนหนังสือไม่แย่ (หรือเขียนดี ก็ยิ่งดี) เขาจะไปได้ไกลว่าคนสายอาชีพเดียวกัน เพราะมีสิ่งที่นักเขียนทั่วไปไม่มี
3.
ลองนึกถึงตัวอย่างอื่น แล้วคุณจะเข้าใจในเคล็ดลับข้อนี้ที่ผมหมายถึง ไม่ว่าจะเป็น...ศิลปินที่มีความเข้าใจในธุรกิจ นักธุรกิจที่เข้าใจเรื่องศิลปะ หมอรักษาคนไข้ที่พูดจาไม่ใช้ภาษาหมอ คนทำดนตรีที่แต่งเนื้อเพลงได้ด้วย โปรแกรมเมอร์ที่คุยเก่ง ชอบเข้าสังคม เจ้าของร้านกาแฟที่เชี่ยวชาญเรื่องหนังและเพลง ...และอื่น ๆ อีกมากมาย
ลองค้นหาดูสิครับ ว่าเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันกับเรา ส่วนใหญ่แล้ว เขาไม่มีคุณสมบัติเรื่องอะไร? เขาไม่ยอมฝึกฝนเรื่องอะไร? จากนั้นขอเพียงแค่เรา "เพิ่มเติม" คุณสมบัตินั้นลงไป แม้ไม่ต้องถึงกับเก่งมาก เราก็จะแตกต่างทันที เพราะอาชีพนั้น ๆ ไม่มีคนแบบนี้
นี่คือเคล็ดวิชาเงินล้าน สร้างความต่างแบบไม่ต้องลงลึกในสายอาชีพ แต่สร้างความแตกต่างแนวกว้าง ด้วยการใช้ความสามารถอื่นเข้ามาเสริม
เรื่องมันก็มีแค่นี้เองครับ ลองฝึกดู ไม่เกิน 3 ปี เราจะเป็นท็อปของสายอาชีพ เพราะทั้ง "เก่ง" และ "แตกต่าง"
อะไรนะ?!!! 3 ปี! นึกว่า 3 เดือนเสียอีก ใครจะไปฝึกฝนได้นานขนาดนั้น คุณอาจจะบ่นแบบนั้น โธ่! คุณครับ แล้วคุณคิดว่าถ้าไม่ฝึกฝนทักษะที่ว่า แล้วเวลา 3 ปีนั้นจะไม่ผ่านไปอย่างนั้นหรือ? ไหน ๆ เวลาก็จะต้องผ่านไปอยู่แล้ว การฝึกเพื่อให้เป็นคนระดับท็อปใน 3 ปีข้างหน้า ก็ย่อมดีกว่าเป็นคนธรรมดาในอีก 3 ปีข้างหน้า
...คุณว่าจริงมั้ยล่ะครับ?
Comments