1.
ผมเคยเขียนความเรียงสั้น ๆ ชิ้นนี้ไว้ใน facebook เมื่อหลายปีก่อน วันนี้ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง พบว่าน่าจะยังมีประโยชน์อยู่พอสมควร จึงอยากนำมาบันทึกไว้ในเว็บไซต์ครับ ปัจจุบันคนดังท่านดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว ผมมิได้มีเจตนากล่าวถึงผู้ล่วงลับ ในทางไม่ดี เพียงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ สอนใจได้หลายอย่าง
ขอให้ผู้ที่ได้อ่านตัวหนังสือเหล่านี้ อย่าได้เสียสมาธิเอาแต่นึกถึงว่าเขาคือใครนะ? เพราะมันไม่มีประโยชน์ แต่ให้มุ่งเน้นไปที่เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าแบบนี้จะเป็นประโยชน์กว่า เข้าใจตรงกันนะครับ
และบรรทัดต่อจากนี้คือความเรียงดังกล่าวที่ผมเรียบเรียงเพิ่มเติมนิดหน่อย
2.
วันก่อนผมดูสัมภาษณ์คนดังตกอับท่านหนึ่ง ไม่มีงานจ้าง ต้องอยู่กับพ่อแม่ และตอนนี้เงินเก็บกำลังจะหมด ลองไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับ เพราะไม่มีความสามารถอื่น เรียนจบไม่สูง คอมพิวเตอร์ก็ใช้ไม่เป็น วันนี้ในวัยใกล้ 50 ปี...เขายังไม่รู้จะไปต่ออย่างไร นอกจากยกมือไหว้ออกหน้าจอเพื่อของานทำ
ผมไม่ได้จะมาซ้ำเติมคนล้ม ยังภาวนาขอให้เขาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่สิ่งที่ตามมาหลังความรู้สึกเอาใจช่วย ผมถามตัวเองว่า "ฉันได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?" และผมก็พบว่าเหตุการณ์นี้สอนเรา 3 เรื่อง ...ดังต่อไปนี้
เรื่องที่ 1 : จงอย่ามีเพียงแค่ความสามารถเดียว
บางทีทำงานมานาน ๆ เราจะเผลอเกิดอาการ "เก๋า" เชี่ยวชาญจนอยู่มือแล้ว หลับตาทำก็ยังได้ สบายจริง ๆ เลยเราเมื่อเป็นแบบนี้นานเข้า เราจึงไม่คิดเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนไป รู้เท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความเก๋า พอเก๋ามาก ๆ ก็เลยเก่าไปในที่สุด
จึงขอให้ถามตัวเองไว้เสมอว่า "วันนี้ฉันจะเพิ่มความสามารถอะไรได้อีก?" จากนั้นก็เริ่มติดตั้งทักษะด้วยการเรียนรู้และฝึกฝน เราจะได้ความสามารถใหม่ ๆ มาใส่ตัว หรืออย่างน้อย ๆ ขอให้ถามตัวเองว่า "ความสามารถของฉันในตอนนี้ ปรับเปลี่ยนไปทำอะไรได้อีก?" เพราะบางที เราติดอยู่ในกรอบอาชีพเดิมเกินไป
มีหลากหลายความสามารถ หรือมีความสามารถเดียว แต่พลิกแพลงไม่รู้จบ สิ่งนี้จะช่วยปกป้องเราได้ในระยะยาว เพราะนี่คือการสร้างมั่นคงให้ตัวเราเอง
เรื่องที่ 2 : จงอย่ามีรายได้ทางเดียว
วันที่ชีวิตขาขึ้น เราอาจหลงระเริงไปกับรายได้และไลฟ์สไตล์ดี ๆ จึงเผลอคิดฝากผีฝากไข้ไว้กับสิ่งนี้สิ่งเดียว หวังให้เป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพตลอดไป แต่ใครจะรู้วันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ...อะไรก็เกิดขึ้นได้
จึงขอให้กระจายความเสี่ยง ด้วยการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ หากแม่น้ำมีสายเดียว เวลาห่อเหี่ยวแห้งแล้ง เราจะกระหายเหมือนกลืนทรายลงคอ คิดจะขุดหาบ่อน้ำใหม่...ก็ไม่ทันกินแล้ว
บางคนอาจบ่นว่า ฉันไม่รู้จะสร้างรายได้หลายทางอย่างไรดี...ก็ความสามารถฉันมีเท่านี้ ถ้าบ่นแบบนี้ กรุณากลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่ครับ
เรื่องที่ 3 : ต้องรู้จักลงทุน
เมื่อหาเงินได้เก่ง ต้องเก็บเงินให้อยู่ แล้วจากนั้นต้องรู้จักช่องลงทุน อย่างน้อย ๆ การลงทุนก็ไม่ต้องพึ่งตัวเราที่เป็นแหล่งสร้างรายได้ เพราะวันหนึ่งเราทุกคนต้องแก่ ต้องหมดแรง คำถามก็คือ "แล้วอะไรคือแผนดูแลตัวเองในวันหมดแรง?" เพราะคนแก่ในวันข้างหน้าก็คือตัวเราในวันนี้นี่แหละ (จริง ๆ ทุกคนเป็นนักลงทุนอยู่แล้วครับ เพียงแต่เราลงทุนในบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันให้ผลตอบแทนไม่ถึง 0.5% เท่านั้น)
นอกจากข้ออ้างว่าฉันไม่มีเงินลงทุนแล้ว อีกข้ออ้างยอดฮิตในการไม่ลงทุนก็คือ ...ก็ฉันไม่มีความรู้ จะให้ไปลงทุนได้ยังไง? ได้ยินแบบนี้ต้องขออนุญาตร้องว่า...โธ่เอ๋ย! แล้วใครที่ไหนเกิดมาแล้วรู้เรื่องการลงทุนทันที? คนที่เขารู้เรื่องการลงทุนในวันนี้ เขาก็เคยไม่รู้มาก่อนทั้งนั้น แต่เขาศึกษา เขาเรียนรู้ เขาลงมือ เขาไม่เอาแต่พูดว่า ก็ฉันไม่มีความรู้...แล้วก็อยู่ที่เดิมต่อไป
ทุกวันนี้ผมยังเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าต้องติดตั้งทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้ตัวเองมีความสามารถใหม่ ๆ มองหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ และยังศึกษาเรื่องการลงทุนให้มีความรู้มากขึ้น ...ใครเห็นด้วย ก็ลองนำไปใช้กับตัวเองดูนะครับ
เรื่องพวกนี้ ต้องทำไว้ตั้งแต่วันที่ยังไม่จำเป็น ขืนมาทำตอนที่จำเป็นเมื่อไหร่...ไม่ทันทุกที.
Comments