Mar 9, 20201 min
Updated: Mar 16, 2021
นานมาแล้ว เป้าหมายของผมคือการได้เป็นนักแต่งเพลง ได้เข้าไปอยู่ในวงการเพลง ผมถึงกับเขียนไว้เป็นข้อแรกในกระดาษตั้งเป้าหมายเลยด้วยซ้ำ ซึ่งในเวลาต่อมา ผมก็ทำได้สำเร็จ ผมเป็นนักแต่งเพลงอยู่ที่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ประมาณ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม มาถึงวันนี้ เป้าหมายเรื่องเพลงกลับไม่ใช่เป้าหมายหลักของผมแล้ว ผมสนุกกับการแต่งเพลงน้อยกว่าแต่ก่อนมาก แต่ยังสนุกกับการฟังเพลง การอ่านหนังสือ การเขียนหนังสือ (ซึ่งก็ได้ทักษะการเขียนมาจากการเขียนเนื้อเพลง)
เล่ามาทั้งหมด เพื่อจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะไม่ "รู้สึก" กับเป้าหมายที่ครั้งหนึ่งเคยทำเราตื่นเต้น เพราะเป้าหมายนั้นเปลี่ยนแปลงได้ อย่าไปยึดติด อย่าไปรู้สึกผิด เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยนได้...ไม่เป็นไร คิดดูสิครับ ผมเขียนเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายแรก แต่วันนี้ยังกลับเฉย ๆ แถมพอเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น กลับไปได้สวยกว่าตอนแต่งเพลงด้วยซ้ำ
ขอแต่แค่อย่าเป็นคนจับจด ทำนิดทำหน่อย พอไม่เห็นผล ก็เปลี่ยนเป้าหมายเสียแล้ว...แบบนี้ไม่ดีแน่ครับ
ถ้าตั้งเป้าหมายแล้วรู้หมดว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง มันอาจเป็นเพียงแค่ "ลิสต์กิจกรรมที่ฉันต้องทำวันนี้" แต่ไม่ใช่เป้าหมาย เพราะเราเห็นภาพข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าวหรอกครับ เราไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรรออยู่ที่อนาคต ดังนั้นจึงถูกแล้วที่เราไม่รู้ว่าจะไปถึงเป้าหมายอย่างไร เนื่องจากมันยังเป็นเรื่องห่างไกล พูดง่าย ๆ คือยังไม่รู้แจ้งแทงตลอดจนเห็นทางถึงเป้าหมาย...แต่นั่นแหละที่ท้าทาย
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เห็นทาง แล้วก็จะหยุดอยู่กับที่ให้ทางปรากฏขึ้นมาเอง เพราะสิ่งที่เราต้องทำก็คือ เริ่มต้นทำบางอย่างเพื่อเป็นแรงส่งให้เราก้าวไปข้างหน้า...แม้หนึ่งก้าวก็ยังดี อะไรก็ได้ที่เราเริ่มได้เลย โดยไม่ต้องมีข้ออ้าง ไม่ต้องมีข้อแม้ ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับแก้ไประหว่างทางครับ
วันที่ผมเขียนเป้าหมาย หลาย ๆ ข้อดูไกลตัวมาก ตอนนั้นผมก็นึกไม่ออกหรอกครับว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้อย่างไร แต่ปรากฏว่า "ทุกอย่างจะต่อทางให้เราเอง" ขอแค่สองอย่าง หนึ่ง อย่ายืนเฉย ๆ แต่ต้องก้าวเดินก้าวแรก และสอง อย่าดูถูกตัวเองจนไม่กล้าฝันใหญ่
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเราหมดไปกับการทำงาน เพราะฉะนั้นเป้าหมายข้อนี้จึงสำคัญมาก แต่คนจำนวนหนึ่งกลับไม่ใส่ใจ พวกเขาบอกว่าทำงานอะไรก็ได้ ฉันพร้อมปรับเปลี่ยนชีวิตของฉัน ขอให้เงินดีก็พอ ฉันยอมทุกอย่างจ้าาา
ผมอยากจะบอกว่าอย่าทำแบบนั้นเลยครับ เพราะในที่สุดแล้วเราจะไม่มีความสุข เนื่องจากตอนแรกเราอาจจะตื่นเต้นกับรายได้ที่อู้ฟู่ ใช้ชีวิตหรูหรา แต่เงินทองนั้นก็เหมือนกับหลายสิ่งในชีวิต พอได้มาครอบครอง ก็มีค่าน้อยลง ตื่นเต้นน้อยลง เพราะชินเสียแล้ว ทีนี้ล่ะครับ เราจะเริ่มคิดถึง "ไลฟ์สไตล์" ในแบบที่อยากได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียบง่าย ไม่ต้องใช้เงินมากมาย แต่ไป ๆ มา ๆ เราก็จะไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เพราะยึดติดกับรายได้จำนวนนั้นแล้ว สุดก็เลยกลายเป็น ได้เงินเยอะขึ้นก็จริง แต่ชีวิตกลับมีความสุขน้อยลง
"สไตล์" มาก่อน "สตางค์" ตั้งเป้าหมายว่าอยากได้ชีวิตแบบไหนก่อน แล้วจึงค่อยหางานแบบนั้นมารองรับ
"ไม่มีความสำเร็จที่ไหน จะมาทดแทนความล้มเหลวในบ้านได้" มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการยานแม่ เราต้องการกลับฐานที่มั่นเสมอ ถ้าขุดลึกลงไปในความต้องการ เราจะพบว่าแท้ที่จริงแล้วเราอาจต้องการแค่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างสงบสุขเท่านั้นเอง (เหมือนอย่างที่ผมลาออกจากงานประจำ ก็เพราะต้องการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว)
ดังนั้นตั้งเป้าหมายเรื่องงาน เรื่องเงินแล้ว อย่าลืมตั้งเป้าหมายเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องครอบครัวด้วยครับ
เป้าหมายที่ดีต้องชัดเจน เขียนออกมาเป็นตัวเลขได้ เช่น เป้าหมายเรื่องรายได้ต้องตั้งเป็นตัวเลข ไม่ใช่เขียนแค่ว่า "ขอให้มีรายได้เยอะ ๆ" เพราะคำว่า "เยอะ ๆ" นี่ล่ะที่เป็นปัญหา เพราะไม่รู้เท่าไหร่กันแน่ หรืออย่างเป้าหมายเรื่องสุขภาพ อย่าเขียนแค่ว่า "อยากมีสุขภาพดี" แต่ควรนิยามให้ชัดเจนกว่านี้ เช่น น้ำหนักเท่าไหร่ นอนวันละกี่ชั่วโมง หรือเมื่อตรวจสุขภาพประจำปี ค่าต่าง ๆ เช่น ระดับไขมัน ระดับน้ำตาล จะต้องมีค่าไม่เกินเท่าไหร่
แม้แต่เป้าหมายที่ออกไปใน "เชิงคุณภาพ" อย่างเช่น "ต้องการให้ครอบครัวมีความอบอุ่น" เราก็ต้องวัดผลให้ได้ว่าแค่ไหนถึงจะเรียกว่า "อบอุ่น"? เช่น ได้กินอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน 5 มื้อต่อสัปดาห์ ได้เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นต้น
หลายปีก่อน ผมเคยเขียน "เป้าหมาย 10 ข้อที่ผมต้องการ" เมื่อมาอ่านทบทวนภายหลัง จึงพบว่าหลาย ๆ ข้อ ถ้าทำสำเร็จ มันจะให้ผลลัพธ์ออกมาใกล้เคียงกัน เช่น ถ้าผมได้ทำงานที่บ้าน ผมก็จะมีเวลาอ่านหนังสือ มีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาเที่ยวกับครอบครัว มีเวลาสงบจิตใจอยู่แล้ว
แต่ผมกลับเขียนเป้าหมายที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้ถึง 6 ข้อ นั่นแปลว่า สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในชีวิตก็คือ "เวลา" เพราะผมเชื่อว่า "เวลามีค่ากว่าเงิน" วันนั้นผมจึงได้เข้าใจตัวเองว่า เป้าประสงค์หลักใหญ่ในชีวิตของผมก็คือ "ต้องการเวลา"
เป้าหมายส่วนตัวอาจก่อให้เกิดพลังได้ส่วนหนึ่ง แต่เราอาจยอมแพ้ได้ง่ายเมื่อเจออุปสรรค เนื่องจากถึงจะยอมแพ้ มันก็เกี่ยวกับเราคนเดียว ไม่ได้เดือดร้อนใคร แต่เป้าหมายที่ทำเพื่อคนอื่นนั้น เราจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะลึก ๆ แล้วมนุษย์ทุกคนต้องการมีค่า ต้องการมีความหมาย และสิ่งที่จะทำให้ชีวิตมีความหมายขึ้นมาก็คือ "การอุทิศตนเพื่อคนอื่น" นั่นเอง
"โลกนี้ไม่มีคนขี้เกียจ มีแต่คนที่เป้าหมายของเขาไม่เร้าใจ" เป้าหมายของคุณคืออะไร? ลองตรวจสอบกับ 7 ข้อนี้ที่ผมได้เรียนรู้ดูนะครับ
หมายเหตุ : เรียบเรียงจากบางส่วนของหนังสือ "ฉันเปลี่ยนเพราะเขียนเป้า" สั่งซื้อได้ ที่นี่